“ธปท.” เผยเงินบาทอ่อนค่าเร็ว หลุดระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่อจากตลาดฯ คาดการณ์ว่า “เฟด” จะปรับขึ้น ดบ. เร็วกว่ากำหนด ขณะที่เม็ดเงินยังไหลออกจากตลาดพันธบัตร แต่เริ่มชะลอตัวลงแล้ว
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในวันนี้เงินภูมิภาค รวมทั้งเงินบาทที่อ่อนค่าลงค่อนข้างเร็ว เป็นผลจากการคาดการณ์ของตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น หลังจากที่เมื่อคืนวันศุกร์ (5 ธ.ค.) สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Non-farm Payroll) ที่ดีกว่าที่ตลาดคาดมาก มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 321,000 ตำแหน่ง จากที่คาดไว้ที่ 230,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับคู่ค้าทุกกลุ่ม ทั้งที่เป็นเงินสกุลหลัก และเงินภูมิภาค
โดยเช้าวันนี้ เงินบาทเปิดตลาดที่ 33.04-33.05 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และทยอยอ่อนค่าลงแตะ 33.11 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ตามทิศทางของค่าเงินภูมิภาคอื่นๆ โดยในช่วงสาย มีแรงขายของผู้ส่งออกเข้ามา ทำให้เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวใกลเคียงกับช่วงเช้า โดยการอ่อนค่าของเงินบาทสอดคล้องต่อเงินภูมิภาค โดยอ่อนค่าลงเป็นลำดับกลางๆ เมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคเนื่องจากไม่ได้มีปัจจัยเฉพาะเกี่ยวกับเงินบาท สำหรับปริมาณการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ทั้งของคนไทย และต่างชาติในวันนี้ถือว่าเป็นปกติ
ด้านเงินทุนเคลื่อนย้ายในช่วง 11 เดือนแรกของปี ยังเป็นเงินทุนไหลออกโดยรวมจากการลงทุนในหลักทรัพย์ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นการออกจากตลาดพันธบัตร โดยสัดส่วนการถือครองพันธบัตรภาครัฐของนักลงทุนต่างประเทศล่าสุด ณ 27 พ.ย. อยู่ที่ประมาณร้อยละ 10
สำหรับในช่วงเดือน พ.ย. เงินทุนไหลออกสุทธิจากตลาดพันธบัตรชะลอลงมาอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงสิงหาคม-ตุลาคม ที่มีการไหลออกเฉลี่ยประมาณเดือนละเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ตลาดเริ่มเห็นทิศทางของนโยบายการเงินที่แตกต่างกัน (policy divergence) ในช่วงการประชุมที่ Jackson Hole ส่วนในด้านตลาดหุ้นในเดือน พ.ย. มีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นสุทธิประมาณ 337 ล้านดอลลาร์สหรัฐ