xs
xsm
sm
md
lg

ESC ยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว เตรียมขาย IPO จำนวน 600 ล้านหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ESC ยื่น Filing ต่อ ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว เตรียมขาย IPO จำนวน 600 ล้านหุ้น เล็งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี ธ.ไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.ไทยพาณิชย์ เป็นอันเดอร์ไรต์

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ ESC ได้ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2557 เนื่องจากบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 600 ล้านหุ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อใช้ลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิต ชำระคืนเงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้น และสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท

บมจ.น้ำตาลและอ้อยตะวันออก ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายจากอ้อยเป็นหลัก และดำเนินธุรกิจที่นำผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการผลิตน้ำตาลทราย เช่น ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจผลิตเอทานอล ธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพ และธุรกิจผลิตปุ๋ย

ผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 ก.ย.2557 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 4,553.5 ล้านบาท กำไรเบ็ดเสร็จรวม 279.6 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 10,751.0 ล้านบาท หนี้สินรวม 7,026.9 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 3,724.2 ล้านบาท

ณ วันที่ 17 พ.ย.2557 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 2,300 ล้านบาท มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วเพิ่มเป็น 2,300 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

ด้านผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 17 พ.ย.2557 คือ บุคคลในครอบครัววัธนเวคิน ถือหุ้น 1,000,001,200 หุ้น หรือคิดเป็น 58.82% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 43.48% รองลงมาบริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด ถือหุ้น 699,998,800 หุ้น หรือคิดเป็น 41.18% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 30.43%

โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด และตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น