รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ MINT ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 5 ปีต่อเนื่อง 15-20% พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 50,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจ และซื้อกิจการ เผยช่วงที่ผ่านมา รายได้ลดลงจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง คาดปีหน้าเศรษฐกิจฟื้นช่วยดันยอดขายบวก
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT กล่าวว่า ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประกาศซื้อสินทรัพย์ประเภทธุรกิจโรงแรมและสันทนาการ ที่พักอาศัย และสำนักงานออฟฟิศของ แมริสัน บลู ในประเทศโมซัมบิก โดยบริษัทได้เข้าถือหุ้นในอัตราสัดส่วน 49% ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ประมาณปี 2558
ขณะเดียวกัน บริษัทได้เข้าไปถือหุ้นในอีก 8 โรงแรม ใน 5 ประเทศ ได้แก่ บอตสวานา เลโซโท นามิเบีย สวาซิแลนด์ และแซมเบีย มูลค่า 63.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารที่บริษัทฯ ได้เข้าไปถือหุ้นของ VGC ในประเทศออสเตรเลีย ที่อัตราสัดส่วน 50% ซึ่งเป็นธุรกิจร้านเบเกอรี และกาแฟ โดยมีสาขาจำนวนทั้งหมด 31 แห่ง โดยในปัจจุบันบริษัทมีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1,600 สาขา ใน 21 ประเทศ
“บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในอนาคตของธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 59% ซึ่งขณะนี้รายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 51% และรายได้ในประเทศที่ 49% โดยจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การบริหารเพื่อขับเคลื่อนแบรนด์สินค้าทั้งในส่วนของโรงแรม และร้านอาหาร โดยจะเพิ่มมาร์จิ้น และอัตราการทำกำไรให้ดีขึ้น ด้วยการขยายแฟรนไชน์ร้านอาหาร และให้เช่าโรงแรม ”
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ในระยะ 5 ปีนับจากปี 2558 ไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 15-20% โดยได้เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 35,000 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ และยังได้ตั้งงบประมาณพิเศษอีกกว่า 22,000-24,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ ทั้งแบรนด์สินค้า ร้านอาหาร และโรงแรม
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจรีเทลเทรดดิ้ง ที่ผ่านมามีผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้ประชาชนไม่มีความมั่นใจในการจับจ่ายซื้อสินค้า อีกทั้งสินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าฟุ้มเฟือย โดยรายได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 100 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าในปีหน้าสินค้าในกลุ่มนี้จะฟื้นตัวกลับขึ้นมามียอดขายที่ดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นในระดับที่ 4-5%
