ปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วงเช้าวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ไปที่ 1,589.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.74 จุด เปลี่ยนแปลง +0.68% มูลค่าการซื้อขาย 24,775.45 ล้านบาท ระหว่างเทรดแตะจุดสูงสุดที่ 1,590.17 จุด และต่ำสุดที่ 1,584.54 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ตลาดหุ้นไทยได้รับ Sentiment เชิงบวก จากที่จีนตัดลดดอกเบี้ยนโยบายลงน่าจะช่วยเพิ่ม Money Supply ในตลาดเอเซีย ขณะเดียวกัน นักลงทุนมีความหวังว่าการประชุมคณะกรรมการธนาคารยุโรป หรือ ECB วันที่ 4 ธ.ค. ที่จะถึง จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมออกมา ขณะที่สหรัฐฯ แม้คาดว่าจะเห็นทิศทางการใช้นโยบายการเงินตึงตัว หลังจากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราการว่างงานลดลงต่อเนื่องและลงสู่ระดับ 5.8% ในเดือน ต.ค. (ต่ำสุดในรอบ 6 ปี) แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ ครั้งแรกอาจไม่เกิดขึ้นเร็วอย่างที่คาดในช่วง 2H58 เนื่องจากยังพบว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงชะลอตัว โดยเดือน ต.ค. อยู่ที่ระดับ 1.7%yoy (เปลี่ยนแปลงเพียง 1.3% นับแต่ต้นปี) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนให้กับตลาดในระยะสั้นได้เช่นเดียวกัน
“แม้ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยชี้นำที่ชัดเจนนอกเหนือจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะกองทุน LTF แต่เชื่อว่ายังได้รับ Sentiment เชิงบวกหลายปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ปัจจัยที่เชื่อว่าจะเข้ามากดดันตลาดหุ้นน่าจะเป็นเรื่องของการจัดเก็บภาษีประชาชนเพิ่มเติม ทั้งภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สิน และภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ 7% โดยมีเป้าหมายจะเก็บเพิ่มอีก 3% เป็น 10% ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่อเงินในกระเป๋าประชาชนตรงๆ และกระทบกำลังซื้อในระยะสั้นๆ หรือในช่วงที่มีการปรับตัว”
พร้อมคาดการณ์ช่วงบ่ายดัชนีน่าจะยังแกว่งตัวในแดนบวกได้ต่อเนื่อง กลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมกับมีเงินปันผล โดยยังคงชื่นชอบหุ้น RS ซึ่งประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจทีวีดิจิตอล สามารถขยับอัตราค่าโฆษณาเข้าใกล้ผู้ประกอบการฟรีทีวี อย่าง ช่อง 5 และ ช่อง 9 แล้ว