xs
xsm
sm
md
lg

“ประสาร” ย้ำปีหน้าใช้นโยบายการเงินยืดหยุ่น ห่วงหนี้ครัวเรือนเรื้อรัง เพิ่มในอัตราเร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้ว่าการ ธปท. คาด “จีดีพี” ไตรมาส 3 โตได้มากกว่า 0.1% เล็งใช้นโยบายการเงินแบบยืดหยุ่นในปีหน้า พร้อมจับตาปัญหาหนี้ครัวเรือน เพราะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหลายด้านของภาค ปชช.รายย่อย และมีปริมาณที่ใกล้เคียงกับตัวเลขการเติบโตของจีดีพี แต่ในภาพรวมยังไม่เป็นปัญหารุนแรง

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทย ในไตรมาส 3 มีแนวโน้มเติบโตมากกว่าร้อยละ 0.1 หลังจากที่ไตรมาสที่ 1 ติดลบร้อยละ 0.6 และไตรมาสที่ 2 เติบโตร้อยละ 0.1 ซึ่งในปัจจุบัน ธปท. ได้ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายแล้ว แต่หากมีความจำเป็น และภาพรวมเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป ทั้งการใช้งบประมาณการลงทุนภาครัฐ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมทั้งเศรษฐกิจโลก ธปท.สามารถนำนโยบายการเงินออกมาใช้ได้ทันที โดยแบงก์ชาติใช้เครื่องมือทางการเงินตั้งแต่ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ด้วยการลดดอกเบี้ยครั้งละ ร้อยละ 0.25 จนอยู่ที่ร้อยละ 2.0 ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว

ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินปีหน้า คือ ต้องยืดหยุ่น สอดคล้องต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน โดยอาจใช้สูตรทางการเงินผสมผสาน การสร้างความน่าเชื่อถือในนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และทำให้เศรษฐไทยเข้มแข็ง

ส่วนปัจจัยเสี่ยงปีหน้ายังคงต้องจับตาปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด เพราะในช่วง ใน 4-5 ปีที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหลายด้านของภาคประชาชนรายย่อย และมีปริมาณที่ใกล้เคียงกับตัวเลขการเติบโตของจีดีพี ทั้งนี้ ในภาพรวมยังไม่เป็นปัญหารุนแรง แต่เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม

อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติจะพยายามเข้าไปศึกษาระดับรายได้ต่อหัวประชาชาติ และดูแลการปล่อยสินเชื่อบางประเภทของธนาคารพาณิชย์ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงร้อยละ 15-20 ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการปล่อยสินเชื่อรถคันแรก

นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทในขณะนี้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกลุ่มกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทผันผวนมาจากทั้งปัจจัยภายใน และภายนอกประโทศ โดยแข็งค่ามากสุดในวันที่ 6 มกราคม 2557 ที่อยู่ที่ 31.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ค่าเงินบาทจึงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของประเทศ

นางรุ่ง มัลลิกามาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธปท. กล่าวว่า สาเหตุของการส่งออกไทยที่ชะลอตัวลงนั้นมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างการผลิต และคุณภาพของสินค้าที่ไม่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลก โดยเห็นได้ชัดว่าแม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ภาคการส่งออกของไทยกลับได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย และยังน้อยกว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ ซึ่งภาครัฐจะต้องเข้ามาให้การสนับสนุนในการยกระดับสินค้า รวมทั้งการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
กำลังโหลดความคิดเห็น