แบงก์ชาติเผยโค้งสุดท้ายของปี ส่วนใหญ่สถาบันการเงินเห็นพ้องความต้องการสินเชื่อครัวเรือนและธุรกิจเพิ่มขึ้น จากการบริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง เศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนสดใสขึ้น แต่ยังคงรักษาระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs แต่เริ่มผ่อนคลายมาตรฐานฯ ให้แก่ธุรกิจขนาดใหญ่
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้เผยแพร่รายงานผลการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อไตรมาส 4 ของปี 57 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลงานด้านสินเชื่อ พบว่า ส่วนใหญ่สถาบันการเงินมองว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนและสินเชื่อภาคธุรกิจจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันยังคงความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนใกล้เคียงกับปัจจุบัน รวมทั้งรักษาระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แต่จะผ่อนคลายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดใหญ่ลงบ้าง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 ของปีนี้ สถาบันการเงินประเมินว่าความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นอีก สะท้อนคาดการณ์แนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากไตรมาส 3 ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
ส่วนแนวโน้มความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจโดยรวมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนที่คาดว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อที่เกี่ยวกับธุรกิจบริการ แม้ช่วงไตรมาส 3 ความต้องการสินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้นผลธุรกิจ SMEs เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามคาดไว้ เพราะการฟื้นตัวของการลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนได้ทยอยเพิ่มความเข้มงวดไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ในไตรมาสสุดท้ายของปียังคงความเข้มงวดใกล้เคียงกับปัจจุบัน ซึ่งเพิ่มมาตรฐานการให้สินเชื่อเกือบทุกประเภท
ขณะที่มาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจโดยรวมมีแนวโน้มผ่อนคลายลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา โดยสถาบันการเงินคาดว่าในธุรกิจ SMEs จะรักษาระดับมาตรฐานฯ ซึ่งได้เข้มงวดมามากแล้วระยะหนึ่ง จากความกังวลเกี่ยวกับหลักทรัพย์ค้าประกัน และความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละธุรกิจ แต่ธุรกิจขนาดใหญ่กลับมีทิศทางจะผ่อนคลายมาตรฐานฯ ลงบ้าง
รายงานข่าวจาก ธปท.แจ้งว่า ในรายงานเศรษฐกิจและการเงินล่าสุดประจำเดือน ก.ย.57 ระบุว่า เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ภาระหนี้ของครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับสถาบันการเงินยังคงระมัดระวังมาตรฐานการให้สินเชื่อส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เร่งตัวมากนักในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่ก็ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนทั้งด้านอุปสงส์และอุปทาน สะท้อนจากจำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ของธนาคารพาณิชย์และจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ขยายตัว 6.3% และ 2.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตามลำดับ
ขณะที่เฉพาะเดือน ก.ย.ของปีนี้ ภาวะอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่ได้เร่งมากนัก เพราะผู้ประกอบการรอความต่อเนื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก่อนการเปิดขายโครงการใหม่ อีกทั้งยังรอให้อุปสงส์ที่เริ่มฟื้นตัวทยอยดูดซับอุปทานเหลือขายในตลาดที่ยังคงอยู่ระดับสูง แม้จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีภายหลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นของอาคารชุด
ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตามความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น สะท้อนอัตราการจองซื้อที่อยู่อาศัยใหม่และการอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ของธนาคาร
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้เผยแพร่รายงานผลการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อไตรมาส 4 ของปี 57 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลงานด้านสินเชื่อ พบว่า ส่วนใหญ่สถาบันการเงินมองว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนและสินเชื่อภาคธุรกิจจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันยังคงความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนใกล้เคียงกับปัจจุบัน รวมทั้งรักษาระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แต่จะผ่อนคลายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดใหญ่ลงบ้าง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 ของปีนี้ สถาบันการเงินประเมินว่าความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นอีก สะท้อนคาดการณ์แนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากไตรมาส 3 ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
ส่วนแนวโน้มความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจโดยรวมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนที่คาดว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อที่เกี่ยวกับธุรกิจบริการ แม้ช่วงไตรมาส 3 ความต้องการสินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้นผลธุรกิจ SMEs เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามคาดไว้ เพราะการฟื้นตัวของการลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนได้ทยอยเพิ่มความเข้มงวดไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ในไตรมาสสุดท้ายของปียังคงความเข้มงวดใกล้เคียงกับปัจจุบัน ซึ่งเพิ่มมาตรฐานการให้สินเชื่อเกือบทุกประเภท
ขณะที่มาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจโดยรวมมีแนวโน้มผ่อนคลายลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา โดยสถาบันการเงินคาดว่าในธุรกิจ SMEs จะรักษาระดับมาตรฐานฯ ซึ่งได้เข้มงวดมามากแล้วระยะหนึ่ง จากความกังวลเกี่ยวกับหลักทรัพย์ค้าประกัน และความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละธุรกิจ แต่ธุรกิจขนาดใหญ่กลับมีทิศทางจะผ่อนคลายมาตรฐานฯ ลงบ้าง
รายงานข่าวจาก ธปท.แจ้งว่า ในรายงานเศรษฐกิจและการเงินล่าสุดประจำเดือน ก.ย.57 ระบุว่า เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ภาระหนี้ของครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับสถาบันการเงินยังคงระมัดระวังมาตรฐานการให้สินเชื่อส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เร่งตัวมากนักในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่ก็ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนทั้งด้านอุปสงส์และอุปทาน สะท้อนจากจำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ของธนาคารพาณิชย์และจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ขยายตัว 6.3% และ 2.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตามลำดับ
ขณะที่เฉพาะเดือน ก.ย.ของปีนี้ ภาวะอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่ได้เร่งมากนัก เพราะผู้ประกอบการรอความต่อเนื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก่อนการเปิดขายโครงการใหม่ อีกทั้งยังรอให้อุปสงส์ที่เริ่มฟื้นตัวทยอยดูดซับอุปทานเหลือขายในตลาดที่ยังคงอยู่ระดับสูง แม้จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีภายหลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นของอาคารชุด
ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตามความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น สะท้อนอัตราการจองซื้อที่อยู่อาศัยใหม่และการอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ของธนาคาร