xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์หวังจีดีพีฟื้นดันสินเชื่อ-เตือนรับบาทป่วน-ศก.โลกยังเสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์เชื่อเศรษฐกิจปีหน้าไปได้ดีกว่าปีนี้ แต่จะเป็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดันสินเชื่อแบงก์เติบโตตาม เตือนรับมือค่าเงินป่วนอีกระลอกหลังญี่ปุ่นอัดเงินสู่ระบบ

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BBL)กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะขยายตัวได้ในระดับที่สูงกว่าปีนี้ จากการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบการการค้าระหว่างประเทศที่จะมีมากขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงความต้องการสินเชื่อที่จะเพิ่มขึ้นภายหลังการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลมีความชัดเจน ซึ่งก็เริ่มเห็นความต้องการสินเชื่อในไตรมาสนี้ที่มีสัญญาณที่ดีขึ้น และก็น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สินเชื่อในปีหน้ายังคงเติบโตได้

สำหรับกรณีที่มีหลายฝ่ายมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายหลังภาคการส่งออกและบริโภคฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดว่าไว้นั้น นายชาติศิริกล่าวว่า แนวทางของ ธปท.มีความต้องการทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อได้อย่างมั่นคง และพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมอย่างรอบด้านแล้ว ซึ่งแม้สหรัฐฯ เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังยกเลิกมาตรการ QE และจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวเงินทุนเข้าออกบ้าง แต่ยังถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ปกติ ดังนั้น เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ระดับ 2% ในปัจจุบันมีความเหมาะสม อีกทั้งสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในทันที

นายเดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธปท.จะพิจารณาความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าสหรัฐฯ จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายไปบ้างก็ตาม ซึ่ง ธปท.ก็นำไปร่วมพิจารณาและปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าโดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก ธุรกิจเอสเอ็มอีจะยังลำบาก เพราะเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งตรงนี้รัฐบาลก็ได้มีแนวทางเข้ามาช่วยเหลือภาคธุรกิจนี้ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจมากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

KBANK เตือนรับมือบาทป่วนอีก

ขณะที่นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า จากการประเมินเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวได้ประมาณ 4% ซึ่งถือว่าเป็นระดับปานกลาง โดยปัจจัยที่ต้องจับตาดูเป็นเรื่องของเศรษฐกิจของประเทศใหญ่อย่างญี่ปุ่น และกลุ่มอียูที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

นอกจากนี้ จากแนวทางของทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวที่จะเข้ามาอัดฉีดเงินเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบนั้น ก็จะทำให้เกิดความผันผวนในระบบอีกระลอกหนึ่งได้ โดยทิศทางเงินเยนและเงินยูโรจะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เงินในภูมิภาคนี้รวมถึงอ่อนค่าตาม ซึ่งจากการคาดการณ์เงินบาทน่าจะแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ บวก/ลบ 0.73 บาทในปีหน้า ภายใต้สมมติฐานที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า 2 ครั้งช่วงกลางปีครั้งละ 0.25% รวม 0.50%

“การที่ ธปท.จะผ่อนคลายนโยบายลงอีกนั้น ก็คงต้องพิจารณาว่าเพื่ออะไร ถ้าเพื่อกระตุ้นการบริโภค-ลงทุนก็คงจะลำบากเพราะเรื่องดังกล่าวถูกกดดันจากความเชื่อมั่นและหนี้ครัวเรือนอยู่ แต่ลดดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันด้านค่าเงินก็คงต้องรอดูสถานการณ์ด้านค่าเงินไปอีกระยะหนึ่งก่อน”

เวิลด์แบงก์ชี้ปัจจัยต่างประเทศยังเสี่ยง

นางสาวกิริฏา เภาพิจิตร นักเศรษฐกรอาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก กล่าวว่า เวิลด์แบงก์ประมาณเศรษฐกิจไทยเติบโตในปีหน้าที่ระดับ 3.5% โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ซึ่งน่าจะทำให้ภาคการส่งออกไทยขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้ที่เติบโต 0% ขณะที่การลงทุนภายในประเทศก็น่าจะดีขึ้นภายหลังการลงทุนนำร่องจากภาครัฐ และเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศก็ยังขยายตัวได้ดีอยู่ โดยจากตัวเลข 9 เดือนแรกของปีนี้ก็ยังขยายตัวได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ก็ยังคงเป็นส่วนของเศรษฐกิจโลกที่จะสามารถฟื้นตัวได้ดีเท่าที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ เพราะตรงนี้จะส่งผลต่อการส่งออกของเราค่อนข้างมาก”

สำหรับนโยบายดอกเบี้ยนั้น ธปท.จะพิจารณาจากเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ และดอกเบี้ยต่างประเทศ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจชองคณะกรรมการ แต่หากจะเป็นมุมมองของนักลงทุนแล้ว ปัจจัยหลักของการลงทุนอันดับแรกจะเป็นเรื่องของดีมานด์ ไม่ใช่เรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
กำลังโหลดความคิดเห็น