น้ำตาลบุรีรัมย์ เทรดวันแรกเหนือจอง 1.90 บาท เพิ่มขึ้น 27.99% จากราคาจองซื้อที่ 6.80 บาท ผู้บริหารปลื้มเชื่อราคาเหมาะกับปัจจัยพื้นฐาน พร้อมเดินหน้าขยายงานตามแผน คาดปี 58 กำไรพุ่ง เล็งตั้งโรงผลิตเอทานอลปีหน้า ด้านที่ปรึกษาการเงินเชื่อราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นส่งผลดีต่อ BRR
วานนี้ (5 พ.ย.) หุ้น BRR หรือ บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ราคา 9.25 บาท เหนือราคาจองซื้อ IPO ที่หุ้นละ 6.80 บาท ซึ่งปิดเทรดช่วงเช้าที่ราคา 8.75 บาทเพิ่มขึ้น 1.95 บาทหรือ 36.02% ระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 9.75 บาท ต่ำสุดที่ 8.60 บาท และมาปิดที่ 8.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท คิดเป็น 27.94 % มูลค่าซื้อขาย 2,232.74 ล้านบาท
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร BRR เปิดเผยว่า ราคาหุ้น BRR ที่เปิดการซื้อขายวันแรกที่ 9.25 บาท ถือว่าน่าพอใจ แม้จะไม่หวือหวาเหมือนหุ้น IPO ตัวอื่นๆ แต่ราคามีความเหมาะสมกับพื้นฐานของบริษัทฯ จากราคาที่ บล.เคที ซีมิโก้ จำกัด ให้ราคาเป้าหมายปี 58 ไว้ที่ 9.10 บาท ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ทำบทวิเคราะห์ประเมินราคาเป้าหมายปี 58 หุ้น BRR ที่ 8.50 บาท (PE 11 เท่า) คาดกำไรสุทธิปี 58- 59 โตเฉลี่ย 49% ต่อปี ผลจากการขยายกำลังการหีบอ้อยเพิ่ม 18% และขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเท่าตัว เริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 58 ซึ่งจะใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ในการขยายงานและเป็นทุนหมุนเวียนตลอดจนชำระเงินกู้
โดย ปีนี้ BRR คาดว่ากำไรสุทธิปี 57 อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 205 ล้านบาท และปีหน้าจะเติบโตมากถึง 70% จากปีนี้ อีกทั้งในปีหน้ากำไรจะเติบโตดี เนื่องจากโรงไฟฟ้าผลิตได้เต็มที่ รวมถึงปริมาณการผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้น บริษัทคาดว่าปีนี้จะทำกำไรสุทธิได้กว่า 300 ล้านบาท จากปี 56 มีกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า ขณะที่ค่าความหวานของอ้อยอยู่ที่ 13.5 ccs ถือว่าสูงกว่าค่ามาตรฐานในตลาดที่อยู่ 11 ccs ทำให้สามารถผลิตน้ำตาลได้มากขึ้นในปริมาณอ้อยเท่าเดิม
ขณะปี 58 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตกว่า 70% เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าครบทั้ง 2 โรง ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 16 เมกะวัตต์ และการเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยช่วยให้บริษัทมีปริมาณการหีบอ้อยเพิ่มเป็น 4 แสนตัน ช่วยให้กำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเดินหน้าศึกษาตั้งโรงงานเอทานอล กำลังการผลิต 1.5-2 แสนลิตรต่อวัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 700-800 ล้านบาท น่าจะได้ข้อสรุปและเริ่มลงทุนปี 58 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนจากการกู้ เนื่องจากหลังจากที่มีการเพิ่มทุนแล้วส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือเพียง 1.1 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 3 เท่า
นายคมกฤต มีคำสัตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปีนี้ ทำให้ธุรกิจน้ำตาลมีความเสี่ยงต่ำ จากปัจจัยที่ประเทศบราซิล ในฐานะผู้ส่งออกน้ำตาลทรายอันดับ 1 ของโลก มีแนวโน้มนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลมากขึ้น ทำให้อุปทานของน้ำตาลในตลาดโลกลดลง คาดจะช่วยให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นซึ่งส่งผลดีต่อ BRR ที่สามารถสร้างผลการดำเนินงานจากธุรกิจน้ำตาลทรายได้มากยิ่งขึ้น