xs
xsm
sm
md
lg

YLG ชี้ดีมานด์ทองคำแท่งช่วยพยุงราคา หลังดิ่งหนักจากสหรัฐฯ เลิก QE

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แรงซื้อทองคำแท่งยังช่วยชะลอราคาทองคำดิ่งแรง หลัง FOMC ประกาศยุติมาตรการQE “วายแอลจี” แนะจับตาการเข้าสะสมทองคำของธนาคารกลางในหลายประเทศ ดันราคาทองคำเคลื่อนไหวแบบ Side Way ประเมินต่ำสุด 17,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 18,500 บาท

วรุต รุ่งขำ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคทองคำว่า การปรับตัวลดลงของราคา 7 สัปดาห์ต่อเนื่อง ชี้ให้เห็นถึงทิศทาขาลงของราคาทองคำอย่างชัดเจน สาเหตุสำคัญมาจากการมีมติยกเลิกมาตรการ QE ของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
 

“ล่าสุด FOMC รายงานถึงอัตราตลาดแรงงานสหรัฐฯ เข้าใกล้ระดับที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่มากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้พากันคาดการณ์ว่า เฟด อาจประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง”
 

ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวมีผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง รวมถึงยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งหมายถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยิ่งแข็งค่าเพิ่มขึ้น
 

“นักลงทุนยังต้องจับตาแรงซื้อที่เข้ามาพยุงราคาทองคำ โดยเฉพาะแรงซื้อทองคำแท่ง ที่ตอนนี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่พยุงราคาทองคำ หลังมีการเปิดเผยว่าการนำเข้าทองคำจากฮ่องกงสู่จีนมีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางรัสเซีย ตุรกี ก็ยังนำเข้าทองคำเมื่อราคาอ่นตัวลง ซึ่งหมายถึงเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงมายังคงมีแรงรับซื้อจากกองทุน และธนาคารกลางในหลายประเทศช่วยพยุง จนการปรับตัวที่ลดลงของราคาทองคำชะลัวตัว”
 



ดังนั้น นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ หากการปรับตัวลดลงไม่ลงมาต่ำกว่าจุดต่ำสุดใหม่ ให้จับตาดูการปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อที่จะช่วยผลักดันราคาปรับขึ้น 15-20  เหรียญ/ออนซ์ ถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาเปิดสถานะซื้อในการเก็งกำไรราคาทองคำระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำไม่อาจยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง ประเมินว่า แนะนำขายทองคำในบางส่วน แล้วรอการย่อตัวอีกครั้งเพื่อเข้าสะสมเพิ่มเติม
 

โดยแนวรับประเมินไว้ที่ 1,850 เหรียญ/ออนซ์ หรือ 17,000 บาท แนวต้าน 1,200 เหรียญ/ออนซ์ หรือ 18,500 บาท ทำให้คาดว่าหากระยะสั้น ไม่ปรับตัวลงหนัก อาจเห็นการเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบ Side way เพื่อตั้งฐานก่อนที่จะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง

ส่วนสิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาต่อจากนี้ คือ การประชุมของ ECB หากมีการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จะกดดันยูโรอ่อนตัวลง และดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้น รวมถึงต้องจับตาตัวเลขแรงงานฝั่งสหรัฐฯ หลังส่งสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างแข็ง ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการกดดันราคาทองคำ 
กำลังโหลดความคิดเห็น