xs
xsm
sm
md
lg

หม่อมอุ๋ยโวจีดีพีปี 58 เกิน 4%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หม่อมอุ๋ยมั่นใจเศรษฐกิจปีหน้าโตได้ 4% และหากโครงการขนาดใหญ่เกิด อาจดันได้ถึง 5% พร้อมตั้งหน่วยงานใหม่ผลักดันธุรกิจไทยลงทุนนอก “บัณฑูร” หนุนภาคการลงทุนเป็นตัวนำทาง เพราะส่งออกยังขยายตัวได้ไม่มาก

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐบาลประเมินการเติบโตเศรษฐกิจในปีหน้าจะเติบโตได้ 4.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในด้านต่างๆ โดยมีในส่วนของงบประมาณที่ค้างมาจากปีก่อน 23,000 ล้านบาท เงินช่วยเหลือชาวนา เป็นต้น ซึ่งจะเริ่มเห็นผลในเดือนหน้า
 
อย่างไรก็ตาม หากโครงการคมนาคมโครงสร้างพื้นฐานสามารถเริ่มต้นได้เป็นรูปธรรม ก็จะน่าจะผักดันจีดีพีให้สามารถเติบโตได้ถึง 5% ในปีหน้า ขณะที่ในปีนี้คาดการณ์จีดีพีเติบโตได้ประมาณ 1.9% ซึ่งก็ถือว่าเป็นระดับที่ดีเพราะเป็นช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมืองทำให้ไม่มีเงินลงทุนจากภาครัฐออกมา แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังสามารถเป็นบวกได้จึงนับว่ามีความแข็งแกร่งอยู่
 
นอกจากนี้ ทางการยังมีแนวทางที่จะส่งเสริมทางด้านการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้จัดตั้งหน่วยงานเพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกันนั้น ก็จะจะส่งเสริมให้มีบริษัททางด้านการค้าเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น โดยจะมีการแก้กฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวย อาทิ เพิ่มระยะเวลาวีซ่าในการอยู่อาศัยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีความสะดวกในการเข้ามาทำงาน เป็นต้น
 
“เรื่องปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในอนาคตนั้น ผมยังไม่เห็นอะไรที่จะมาเป็นอุปสรรคกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง ก็มีกรอบระยะเวลาที่คาดว่าจะสามารถเลือกตั้งได้ในปลายปีหน้า”
 
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจปีหน้าที่ประมาณการไว้ที่ 4% ก็นับว่าเป็นระดับกลางๆ อยู่ในวิสัยที่ทำได้โดยต้องใช้ภาคการลงทุนเป็นตัวนำทาง เนื่องจากภาคการส่งออกยังคงขยายตัวได้ไม่มากนัก
 
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้ไขในเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีมาตรการเข้ามาช่วยดูแลเป็นการเฉพาะหน้าก่อน
 
“ไม่มีรัฐบาลชุดไหนจะปล่อยให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอดตาย ก็ต้องมีมาตรการออกมาช่วย ไม่ว่าจะเรียกว่านโยบายอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญก็คือจะต้องควบคู่กับการพัฒนาระบบอย่างยั่งยืน เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยตัวเองได้ในระยะยาว” นายบัณฑูร กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น