xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นหุ้นปลายปี 1,600 ทองแรงหนุน ECB ช่วยพยุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


         ASTV Stock Market ในเครือ “ASTVผู้จัดการ” นำเสนอรายการ “เข็มทิศตลาดทุน” ซึ่งนำเสนอข้อมูลข่าวสารแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย และการลงทุนในทองคำให้แก่นักลงทุน และผู้ที่สนใจ
     
        เริ่มที่ช่วง“กูรูแนะทิศทาง”ในครั้งนี้ “ประกิต สิริวัฒนเกตุ” ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในช่วงไตรมาสสุดท้ายนั้น มองว่าในช่วงต้นไตรมาสจะมีความผันผวนสูงก่อนการประชุมของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปลายเดือนตุลาคม จะสร้างความกังวลต่อนักลงทุนทั่วโลก จากเรื่องการยุติมาตรการ QE แต่หลังจากการประชุมแล้วเสร็จ และยุติ QE จริง เชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกนั้นมีการปรับตัวลดลงรับข่าวนี้ไปเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมองหาประเด็นใหม่ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นตัวความหวัง

      “นั่นคือ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) น่าจะเอาจริงเอาจังในการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น ก็ต้องดูว่ามีความต่อเนื่อง และรูปแบบการซื้อพันธบัตรมีขนาดเท่าใด โดยในส่วนของไทยเมื่อตลาดมีการปรับฐานมาที่ระดับ 1,500 จุดแล้ว ก็มีความเชื่อที่ว่าจะกลับขึ้นไปที่ระดับ 1,600 จุดได้ในช่วงปลายปี”

       ส่วนปีหน้าจากการที่มีสภพคล่องมากขึ้นหลัง ECB อัดฉีดเข้ามา ขณะที่ญี่ปุ่นเองก็ยังไม่ยกเลิกมาตรการ QE ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เม็ดเงินจากฝั่งยุโรปจะเป็นตัวผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมา แม้จะขาดเม็ดเงินจากสหรัฐฯ แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไรมาก

      อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องระวังในช่วงปลายไตรมาส1 ปีหน้า-ปลายไตรมาส 2 ปีหน้า ซึ่งการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะเป็นตัวเข้ามารบกวนตลาด ทำให้ตลาดมีความผันผวนได้

     “ในช่วงโค้งสุดท้ายหากตลาดขึ้นไปเกิน 1,650 จุด ก็มองว่าน่าจะเป็นช่วงขายออกไปเพื่อทำกำไรบ้างได้แล้ว เพื่อหลีกก่อนที่การประกาศอัตราดอกเบี้ยจะกลับมาทำให้่ตลาดผันผวน”



       
      ขณะที่ช่วง “ส่องกล้อง Fututrs & Commodity”ด้าน “วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้ ว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นไปเหนือ 1,255 เหรียญ/ออนซ์ แต่ก็ไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง และถูกขายทำกำไรจนปรับตัวลดลงมา

      โดยรวมราคาทองคำยังคงถูกกดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า แม้จีนจะมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด เพราะผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ เติบโตมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ชี้ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดีขึ้น และกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
    
      ส่วนการประชุมเฟดของเฟด หากที่ประชุมมีมุมมองต่อเศรษฐกิจของสหารัฐฯ ดีมากขึ้น โอกาสที่จะเห็นการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็เป็นไปได้สูงเช่นเดียวกัน

      “การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ Dollar Index แข็งค่าขึ้น และการแข็งค่าขึ้นจะส่งผลต่อราคาทองคำ”

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องจับตาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา อย่างล่าสุด ที่ยนายแพทย์ท่านหนึ่งกลับมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด ก็ส่งผลต่อตลาดทุน โดยเฉพาะสินทรัพย์มีความผันผวน หากการแพร่ระบาดไม่สามารถควบคุมได้ จะมีผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำให้ได้รับแรงซื้อเข้ามา

      กลยุทธ์จากนี้ ยัวมองกรอบด้านบน 1,250 เหรียญ/ออนซ์ หากยังไม่สามารถขยับขึ้นไปยืนเหนือจากนี้ได้ นักลงทุนมีการถือครองอาจแบ่งทองคำออกมาขายทำกำไร ส่วนการย่อตัวลงมาของราคา หากต้องการเข้าซ์้อประเมินแนวรับไว้ที่ 1,210-1,200 เหรียญ/ออนซ์ แต่หากราคาทองคำทิ้งตัวลงแรงกว่า 1,200 เหรียญ/ออนซ์ แนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อเพื่อไปจับตาดูแนวรับสำคัญใหม่ที่ 1,980 เหรียญ/ออนซ์อีกครั้ง โดยรวมทิศทางจากสหรัฐฯ มีความสำคัญมากสุดที่นักลงทุนยังจำเป็นต้องติดตาม
    
กำลังโหลดความคิดเห็น