xs
xsm
sm
md
lg

8 บุคคล ล้ม แล้ว ลุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในวงการอสังหาริมทรัพย์เป็นเส้นทางที่หลายๆ คนมองในเรื่องผลตอบแทนแล้วช่างหอมหวนยิ่งนัก แต่เส้นทางกว่าจะประสบความสำเร็จ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายๆ คนวาดฝันเอาไว้ รวมทั้งมหาเศรษฐีหลายคนกว่าที่พวกเขาจะมาเป็นวันนี้อย่างที่หลายๆ คนเห็นต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมายกว่าจะประสบความสำเร็จ

TerraBKK ได้รวบรวม 8 บุคคลสำคัญที่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาฯ ทั้งประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ กว่าพวกเขาจะมาเป็นวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง

8 บุคคลสำคัญที่ทาง TerraBKK ได้ยกมาจะเห็นได้ว่าสิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือ ความขยัน อดทน รอบคอบ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค หรือวิกฤตที่กำลังเผชิญ และวิสัยทัศน์ ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สามารถรอดพ้นจากอุปสรรคจนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

1.ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์

คุณทองมา เป็นเกิดที่ชลบุรี ครอบครัวมีฐานะพอมีพอกิน คุณพ่อทำอาชีพขายกระเพาะปลา และคุณแม่ทำสวนผัก การดำเนินชีวิตของคุณทองมา มีต้นแบบในการดำเนินชีวิต คือ “คุณพ่อ” คุณพ่อสอนลูกด้วยการกระทำให้เห็น ทั้งเรื่องปรัชญาความคิด ทั้งการอย่าเอาเปรียบผู้อื่น หมั่นทำบุญ แล้วบุญกุศลที่ผ่านมาจะช่วยปกป้องลูกหลานให้อยู่ดีมีสุข และผลบุญจะส่งถึงเราทางอ้อมในอนาคต คุณทองมา จบเพียงแค่ ป.4 จากฐานะทางบ้านแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น จากประสบการณ์ชีวิตการทำงานนอกตำราทั้งการเป็นลูกจ้างร้านขายยา ขายน้ำจับเลี้ยง ขยับขยายมาเป็นร้านทอง หล่อหลอมให้เป็นคนที่ขยัน อดทน มุมานะ หลังจากทำงานหาเงินได้ก้อนหนึ่งก็ตัดสินใจเรียนต่อจนจบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาการโยธา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 2524

หลังจากจบการศึกษาได้มีโอกาสเข้าไปร่วมทำงานกับบริษัท พี.ซี.เอ็ม ทำธุรกิจผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูป หลังจากทำงานได้ประมาณ 6 เดือน ก็ไปเริ่มงานบริษัทในเครือญาติของบริษัท นพวงศ์ ก่อสร้าง และ หจก.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง หน้าที่หลัก คือ เวลามีงาน เราก็ไปประมูลงานเข้ามา ทำให้ต้องอาศัยความรับผิดชอบสูงให้หัวหน้าไว้วางใจ หลังจากที่วนเวียนอยู่ในอาชีพ “มนุษย์เงินเดือน” แล้ว ก็ตัดสินใจที่จะทำธุรกิจส่วนตัว

การเข้าสู่ธุรกิจบ้านจัดสรรเริ่มต้นจากเพื่อนจากญี่ปุ่นชวนไปดูบ้าน ทำให้มีโอกาสเห็นโครงการจัดสรรต่างๆ หากเราทำได้ราคาถูกลงประมาณ 10-20% คงเป็นเรื่องดี จึงได้ริเริ่มทำบ้านจัดสรรขายในปี 2535 ภายใต้บริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง โครงการแรกบ้านเดี่ยวในซอยอาภาภิรม ถนนรัชดาภิเษก ราคา 5 ล้านบาท และทำโครงการทาวน์เฮาส์ ในซอยสุขุมวิท 101 อีกจำนวน 13 หลัง ราคา 1.3-1.5 ล้านบาท ซึ่งแรกๆ ก็มีปัญหาเหมือนกัน ขายไม่ค่อยได้ จึงเริ่มมาศึกษา และหาข้อมูลเปรียบเทียบสินค้าของคู่แข่ง ทาวน์เฮาส์ไหนขายดีไหนไม่ดี ทำเลเป็นอย่างไร ก็มานำมาเลียนแบบ โดยปรับปรุงเรื่องทำเล ราคาให้สอดคล้องต่อสินค้าที่จะทำ เราอาจจะโชคดีตรงที่มีพื้นทางด้านการก่อสร้าง ก็น่าจะพัฒนาบ้านให้มีต้นทุนต่ำได้ และในที่สุดจึงก่อตั้ง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ขึ้นมา โดยเริ่มพัฒนาโครงการแรกภายใต้แบรนด์ “บ้านพฤกษา 1” ย่านรังสิต คลอง 8 ภายในเดือนเศษสามารถขายหมดเกลี้ยง

ปัจจุบัน พฤกษาได้เติบโตจากอดีตอย่างต่อเนื่องจนก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย จากยอดขายปี 2556 ที่สูงเกือบ 4 หมื่นล้านบาท จากชีวิตที่อยู่ในฐานะล่างๆ ในสังคม ปัจจุบันกลายเป็นมหาเศรษฐีที่ติดอันดับใน Forbes อันดับที่ 14 ของประเทศไทย

2.เตียง จิราธิวัฒน์ (นี่เตียง แซ่เจ็ง)

คุณเจ็งนี่เตียง หรือ นี่เตียง แซ่เจ็ง เกิดบนเกาะไหหลำ แต่งงานเมื่อมีอายุเพียง 16 ปี ตามยุคสมัยที่คนจีนไหหลำต้องการครอบครัวใหญ่ ปี 2466 เกาะไหหลำไม่สงบ จึงอพยพมาอยู่เมืองไทย แต่อยู่เพียงปีเดียวเหตุการณ์ที่ไหหลำสงบลงได้ตัดสินใจกลับไปไหหลำ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และกลับมาไทยเมื่ออายุ 21 พร้อมกับความรู้ที่เต็มเปี่ยม การกลับมาครั้งนี้ได้ตัดสินใจปักหลักชีวิต และครอบครัวที่ประเทศไทยอย่างแท้จริง และเริ่มทำงานครั้งแรกที่ร้านขายข้าวสาร และของเบ็ดเตล็ด หลังจากนั้น 2 ปี นี่เตียง และภรรยาจึงแยกตัวออกมาเปิดร้านค้าของตนเอง ขายของเบ็ดเตล็ดและเครื่องดื่ม ที่บางขุนเทียน และยังซื้อเรือไว้สำหรับขายของตามแม่น้ำย่านฝั่งธน หลังสงครามโลกยุติลง ปี 2488 ได้ย้ายไปอยู่ที่สี่พระยา เปิดร้านขายหนังสือภาษาอังกฤษ นำเข้าจากต่างประเทศ นี่เตียง ได้เริ่มต้นเข้าไปสัมผัสกับธนาคาร และกู้เงินธนาคารใช้เป็นครั้งแรก เขากู้เงินธนาคารตั้งแต่นั้น มาจนถึงทุกวันนี้จนกลายเป็น “ความสามารถ” อย่างหนึ่งอันเป็นลักษณะพิเศษของกลุ่มเซ็นทรัลในปัจจุบัน

“จังหวะดี” มีอยู่ว่า ปลายสงครามเกาหลี ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยตกต่ำอย่างมาก รัฐบาลในสมัยนั้นดำเนินนโยบายสกัดกั้นสินค้าขาเข้า และมีการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ “สินค้าที่ นี่เตียง นำเข้ามาขายก่อนจำนวนมาก ขายได้กำไรหลายเท่า” คนจีนไหหลำคนเดิมชี้จุดก้าวกระโดดการสะสมทุนของ นี่เตียง เพียง 4 ปีที่สี่พระยา นี่เตียง สามารถหาเงินก้อนซื้อที่หน้าโรงเรียนอัสสัมชัญฯ ที่เรียกว่า ตรอกโรงภาษีเก่า
เป็นที่มาของสมบัติชิ้นสำคัญชิ้นแรกของจิราธิวัฒน์

ในช่วงปี 2499 ห้างเซ็นทรัลเกิดขึ้นครั้งแรกที่วังบูรพา เคยมีชื่อว่า “ห้างเจ็งอันเต็ง” บนเนื้อที่ 100 ตารางวา ราคาประมาณ 1 ล้านบาท เตียง จิราธิวัฒน์ ต้องกู้เงินธนาคาร เพื่อใช้ในการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าค่อนข้างสมบูรณ์แบบ หรือต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย ประมาณ 3 ล้านบาท ย่านวังบูรพา เป็นย่านการค้าที่สำคัญแห่งใหม่ มีการเจริญเติบโตของร้านค้าต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย

ห้างสรรพสินค้าติดราคาสินค้าครั้งแรกในประเทศ ประสบความสำเร็จอย่างมาก และความสำเร็จจึงชักนำให้จิราธิวัฒน์ พยายามขยายออกไปสู่เยาวราช และราชประสงค์ แต่ก็ไม่ประสบสำเร็จในครั้งแรกๆ วันชัย (ลูกชาย) บอกว่า ที่เยาวราชอยู่ได้ 2 ปีเท่านั้น ก็ต้องถอยทัพ เนื่องจากไม่สามารถต่อกรกับการค้าแบบห้องแถวของคนจีนดั้งเดิมได้ ส่วนที่ราชประสงค์ ทำเลไม่ดี จึงไม่สามารถสู้กับไดมารู ห้างญี่ปุ่น ที่มาปักหลักได้

ส่วนปี 2511 เซ็นทรัลสาขาสีลม ก็เปิดขึ้น ใช้ชื่อเป็นทางการว่า “ห้างเซ็นทรัล” เป็นครั้งแรก ตอนนั้นเซ็นทรัลสีลม โดดเดี่ยวมาก ถนนมเหสักข์ก็ยังไม่ได้ตัด ดังนั้น ตัวเลขการขาดทุนจึงสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ เซ็นทรัลสีลม ตกในที่นั่งลำบาก ในปี 2512 เตียง จิราธิวัฒน์ (บิดาห้างสรรพสินค้าในไทย) ได้เสียชีวิต เป็นการจากไปประเภทนอนตาไม่หลับ เขาได้ทิ้งแบบฉบับธุรกิจห้างสรรพสินค้าไว้ข้างหลังให้ลูกๆ

กว่า 30 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ลูกๆ ของเตียง สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถนำพาเซ็นทรัลกรุ๊ปให้เติบใหญ่ขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ปัจจุบัน ตระกูลจิราธิวัฒน์ ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของมหาเศรษฐีเมืองไทย จากการจัดอันดับของ Forbes Thailand ปี 2557

3.ตัน ภาสกรนที

ตัน ภาสกรนที บ้านเกิดอยู่ที่ชลบุรี มีนิสัยเป็นคนขยัน อดทน ชอบค้าขาย คุณตัน ได้เริ่มงานครั้งแรกที่ บริษัท ซากุระ เป็นพนักงานโกดังขนของ เขาเป็นคนทำงานหนัก และมักจะกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายของบริษัทเสมอ ซึ่งแตกต่างจากพนักงานส่วนใหญ่ที่ทำเสร็จแล้วก็รีบๆ กลับ ด้วยความขยันทำให้คุณตันได้เลื่อนเป็นผู้จัดการแผนกที่อายุน้อยที่สุด หลักจากนั้น คุณตัน ก็ได้ออกจากงานมาเปิดร้านหนังสือเป็นของตัวเองในชลบุรี จากลักษณะที่เป็นคนช่างสังเกตการเลือกสินค้าของลูกค้า ทำให้คุณตัน รู้ทันทีว่าลูกค้ามาต้องหยิบหนังสือเล่มไหนโดยที่ลูกค้าไม่ต้องพูดสักคำ ทำให้ยอดขายแซงหน้าร้านอื่นๆ อย่างน่าแปลกใจ

หลังจากนั้น คุณตัน ได้แต่งงาน และย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และได้เริ่มธุรกิจใหม่คือ ธุรกิจงานแต่งแต่ก็ต้องล้มเหลวกลับไป และได้เริ่มธุรกิจใหม่อีกครั้ง คือ อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ แต่ต้องขาดทุนไป แต่จุดเด่นของเขาคือ ไม่ย่อท้อ อดทน มุ่งมั่น เดินหน้าต่อไป บวกกับวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ทำให้อะไรให้ดีที่สุด และต้องเหนือกว่าคนอื่น

ในยุคที่อสังหาริมทรัพย์ไทยเฟื่องฟูสุดขีด ช่วงที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้ารัฐบาล สูตรของตันในช่วงนั้นคือ แค่วางมัดจำ กู้แบงก์ และจ้างเขียนแบบ ก็ขายได้แล้ว แถมขายดีแบบเทน้ำเทท่าเสียด้วย กระทั่งมาพลาด เมื่อคิดใหญ่ในช่วงฟองสบู่แตก หลังจากที่ไต่ระดับไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียม ในชื่อ ที.วาย.แกรนด์ซิตี้ ส่งให้เขาต้องจมอยู่กับกองหนี้มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

บทเรียนความล้มเหลวยิ่งใหญ่ที่สุดของตันก็คือ “ธุรกิจอสังหาฯ” แต่วันนี้ตันได้กลับมามองอสังหาฯ อีกครั้ง โดยมี บริษัท ตัน แอสเซ็ท จำกัด เป็นผู้ดูแล เขาเริ่มสะสมที่ดินอย่างจริงจัง ด้วยการเสาะหาที่ดินแปลงงามในเมืองมาถือครอง และได้สร้างเสียงฮือฮาไปทั่ววงการอสังหาฯ จากการขายที่ดินบริเวณเพลินจิต ได้ราคาสูงถึง 1.2 ล้านต่อตารางวา ไปทั้งหมด 7.5 ไร่ ถือเป็นการกลับมาของตันในอสังหาฯ และสามารถแก้มืออย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เคล็ดลับของ “ตัน” ในการทำธุรกิจอสังหาฯ ที่เขายังยึดมั่น และใช้มาโดยตลอด ยกเว้นการลงทุนที่เกินตัว นั่นก็คือ ลงทุนซื้อที่ดินผืนงามแทนการเก็บเงินสด

“ตัน” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตัน แอสเซ็ท จำกัด ได้อธิบายถึงวิธีคิดของตนเองในการทำธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า วิธีคิดในการทำธุรกิจด้านอสังหาฯ ของตนนั้น จะใช้วิธีการหาพันธมิตรร่วมทุน หรือแบ่งขายที่ดินบางส่วนให้แก่กลุ่มทุนที่มีศักยภาพในการพัฒนา ปัจจุบัน “ตัน ภาสกรนที” ถูกจัดอยู่ใน “50 อันดับมหาเศรษฐีไทย” จัดอันดับโดย Forbes ติดอันดับที่ 34 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 2.09 หมื่นล้านบาท

4.ชาลี โสภณพนิช

ชาลี โสภณพนิช ตั้งบริษัท ซิตี้ เรียลตี้ จำกัด ตั้งแต่ ปี 2530 โดยมีโครงการที่สร้างชื่อให้แก่บริษัทคือ การพัฒนาย่านธุรกิจ และแหล่งบันเทิงใหม่ที่ถนนพระราม 9 อย่าง อาร์ซีเอ (RCA) ก่อนที่จะพัฒนาอาคารสำนักงานอย่างโครงการบางกอก การ์เด้น สาทรซีตี้ ทาวเวอร์ และคอนโดมิเนียม ในย่านพระราม 9 มูลค่าการลงทุนรวมเป็นหลักหมื่นล้านบาท ต้องถือว่าก่อนปี 2540 บริษัท ซิตี้ เรียลตี้ จำกัด ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ดาวรุ่ง ที่มีฐานทุนใหญ่อย่างโสภณพนิช ผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

จนกระทั่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ชื่อของบริษัท ซิตี้ เรียลตี้ฯ ก็เงียบหายไปจากวงการ ซุ่มเก็บตัวทำธุรกิจแบบ Low Profile เน้นพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้จากการเช่าเป็นหลัก จากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ถึงแม้บริษัท ซิตี้ เรียลตี้ จำกัด จะไม่ได้มีภาระหนี้มากเหมือนคนอื่นๆ แต่เขาก็เรียนรู้ว่า การทำธุรกิจแบบไม่ผลีผลาม ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และไม่ก้าวไปสู่จุดเสี่ยง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ทำให้การลงทุนทำโครงการใหญ่จะไม่ลงทุนเพียงลำพังแต่เลือกที่จะหาพันธมิตรที่มีความพร้อม

ปัจจุบัน บริษัท ซิตี้ เรียลตี้ เป็นเจ้าของโครงการอาคารเอ็มโพเรียม โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ โครงการรีเวอร์ไซต์การเด้น มารีน่า โครงการบางกอกการเดนท์ โครงการไอเฮ้าส์ โครงการที่อยู่อาศัยที่พัฒนาโดยบริษัท ซิตี้วิลล่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซิตี้ เรียลตี้ ตั้งอยู่หลังอาคารสำนักงาน อาร์ซีเอ บนถนนพระราม 9 ที่ครั้งหนึ่ง บริเวณนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

รวมถึงนายชาลี มีแผนร่วมทุนกับกลุ่มมาลีนนท์ เพื่อยื่นข้อเสนอบริหารประมูลที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บริเวณโรงเรียนเตรียมทหารเดิมอีกด้วย กลุ่มซิตี้ เรียลตี้ มีทรัพย์สินรวมนับหมื่นล้านบาท ไม่นับรวมแผนที่บริษัท ซิตี้เรียลตี้ ที่จะเปิดโครงการอาคารพักอาศัยแนวสูงใหม่ 2 แห่ง มูลค่าขายเกือบ 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแลนด์แบงก์ที่มีศักยภาพพัฒนาโครงการได้อย่างดีอีก 4-5 แปลง แปลงละ 5-10 ไร่

5.ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ

ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ เมื่อพูดถึงชื่อนี้บางคนอาจจะนึกไม่ออก “ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ” ก่อนวิกฤต 2540 เขาคือ ตำนานนักลงทุนในตลาดหุ้นไม่มีใครไม่รู้จัก แต่พิษวิกฤต 2540 ทำให้เขาล้มละลาย สถานะเปลี่ยนจากเศรษฐีพันล้าน นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีลูกน้องกว่า 40 คน และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นที่มีสำนักงานใหญ่โตทำงานนั่งห้องแอร์เย็นสบาย มาเป็นพ่อค้าขายแซนด์วิชข้างถนนริมฟุตปาธ ที่ใครๆ ก็รู้จักในนาม “ศิริวัฒน์แซนด์วิช” แต่ยังมีลูกน้อง จำนวน 20 คน ได้แจ้งความประสงค์ที่จะทำงานอยู่กับเขา ทั้งๆ ที่เขาได้สูญเสียเครดิตทางด้านการเงินพร้อมกับความร่ำรวย เขาและภรรยาจึงได้ตัดสินใจที่จะลดค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ยกเว้นเงินเดือนของพนักงาน) เพื่อความอยู่รอด เช่น ได้ขอยกเลิกการเช่าออฟฟิศเดือนละ 100,000 บาท เหลือเพียงแค่เช่าทาวน์เฮาส์ เดือนละ 15,000

ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ยึดหลักคำสอนของคุณพ่อคุณแม่ของเขาคือ “วันหนึ่งได้เป็นเจ้าคนนายคนอย่าทิ้งลูกน้อง พนักงานเขาคือเป็นครอบครัวเรา เขาช่วยเรา เราไม่มีเขาเราก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าเขาไม่มีเราเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันไปด้วยกัน”

จากนั้น 15 ปีผ่านมา ชีวิตต้องสู้ของเขา ทำให้ตนเองกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งในฐานะประธานบริษัท ทีจีไอเอฟ จำกัด และล่าสุด เตรียมจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) ในปีหน้า ถือเป็นความสำเร็จในชีวิตการต่อสู้ของคนไม่ยอมแพ้ก็ว่าได้ แม้จะไม่กลับไปใหญ่เหมือนเดิม แต่น่าจะเป็นบทเรียนให้แก่คนล้มเหลว หรือคนสิ้นหวัง ให้มีกำลังในการต่อสู้ ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหานานาประการ

6.อนันต์ อัศวโภคิน

คุณอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ จบการศึกษาจากระดับประถม ถึงมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนอัสสัมชัญ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 11 รุ่นเดียวกับ บุญคลี ปลั่งศิริ ปริญญาโท M.S. Industrial Engineering, สถาบันเทคโนโลยีอิลลินอยส์, ปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ที่ผ่านมา บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์จดทะเบียนตามราคาตลาดในวันที่ซื้อขายครั้งแรกประมาณ 700 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมูลค่าตามราคาตลาดของบริษัทสูงถึงกว่า 70,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ชี้ให้เห็นถึงการพลิกฟื้นที่เร็วมาก เพราะบริษัทเพิ่งผ่านช่วงวิกฤตที่เกือบล้มละลายเมื่อปี พ.ศ.2542 เป็นผลสืบเนื่องจากการลดค่าเงินบาท ทำให้บริษัทขาดทุนถึง 20,000 ล้านบาท

คุณอนันต์ ในช่วงปี 40 เกือบล้มละลายขาดทุน 3-4 หมื่นล้าน เพราะกู้เป็นเงินดอลลาร์ แต่รายได้เป็นเงินบาท ต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้ ตอนเจรจากับเจ้าหนี้ คุณอนันต์ ยังยิ้มได้ตลอด เพราะนึกถึงสมัยเด็กบ้านยากจน ต้องยืมของเล่นข้างบ้าน ซึ่งคนที่หน้าตาหมองเศร้าคือเด็กคนนั้น หลังวิกฤตปี 2540 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส “สร้างบ้านก่อนขาย” จนฮือฮา และอีกหลายๆ อย่างที่ “แลนด์ฯ” เป็นผู้นำให้หลายๆ คนเดินตาม ปีนี้สถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองไม่ปกติเฮียตึ๋งแนะว่าเป็นปี “พักยกหยุดหายใจ” ผู้ประกอบการควรกลับมาดูแลการบริหารภายในองค์กร อันดับแรก ดูโปรดักชันต่อคน กำไรต่อคน อย่ารับคนโดยไม่จำเป็น

ปัจจุบัน เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 26 ของประเทศไทย จัดอันดับโดย Forbes มีมูลค่าทรัพย์สิน 3.37 หมื่นล้านบาท

7.ประทีป ตั้งมติธรรม

ประทีป ตั้งมติธรรม จากชีวิตที่เคยติดลบกลับกลายเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรหมื่นล้านนามว่า “ศุภาลัย”

คำว่า “จน” สำหรับบางคนอาจหมายถึง “มีน้อย” สำหรับบางคนอาจหมายถึง “ไม่มี” แต่คำว่า “จน” ของด.ช.ประทีป ตั้งมติธรรม นั้น หมายถึง “เป็นหนี้” ถึงแม้ครอบครัวของประทีปจะมีกิจการค้าไม้และวัสดุก่อสร้างใหญ่โตหลายคูหา ซึ่งดูจากภายนอกคนทั่วไปยากนักที่จะทราบว่า ความเป็นอยู่ของคนในบ้านกำลัง “อัตคัด” ช่วงที่ครอบครัวลำบากว่า เริ่มต้นขึ้นจากกิจการที่บ้านมีการขาย “เชื่อ” ให้ผู้รับเหมา และถูกผู้รับเหมาบางคนเบี้ยวหนี้ไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เงินทุนร่อยหรอ จนต้องไปแลกเช็คกู้หนี้ ยืมสินมาจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยดอกเบี้ยแสนโหด เมื่อสภาพคล่องลด สินค้าในร้านเหลือน้อย ก็ยิ่งทำให้ขายของได้ยากขึ้น บางวันขายไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ขณะที่รายได้จากการขายของลดลง แต่รายจ่ายยังคงมีทุกวัน รวมทั้งดอกเบี้ยแพงๆ ด้วย

ยังไม่ทันฟื้นสภาพได้ พ่อของประทีป ก็มาด่วนจากไปเสียก่อนด้วยอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิต พี่ชายคนโต “ชวน” และพี่สาวคนที่ 2 “ดารณี” ตัดสินใจเดินออกจากสถานศึกษาเพื่อลดรายจ่ายและทำงานหาเงินมาจุนเจือทางบ้าน ส่วน “ประทีป” และน้องชายคนเล็ก “ประศาสน์” ได้เรียนต่อ โดยเลือกเรียนต่อในโรงเรียนรัฐบาล ประทีป ตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรมที่ “University of Illinois at Urbana-Champaign” สหรัฐอเมริกา ด้วยเงินติดกระเป๋าที่หาได้เอง 40,000 บาท แม่และพี่สาวสมทบให้อีกคนละ 10,000 บาท รวมเป็น 60,000 บาท ถือเป็นครึ่งเดียวของเงินที่ต้องใช้ในการเรียน 1 ปี

ประทีป เดินทางกลับสู่บ้านเกิดพร้อมเงินสดอุ่นๆ ที่กำไว้ในมือราว 1 แสบบาทเศษ ซึ่งเป็นเงินทุนตั้งต้นก่อนจะมาเป็น “ศุภาลัย” อย่างในวันนี้ โดยเริ่มต้นจากการลงหุ้นกับ “ชวน” ผู้เป็นพี่ชาย เพื่อสร้าง “หมู่บ้านชวนชื่น-ประชาชื่น” ก่อนจะขยายงานต่อเนื่องมาเรื่อย และจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มั่นคง สถาปัตย์ จุดกำเนิดของบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด ในเวลาต่อมา

สองพี่น้องจะแยกทางกันเดิน เนื่องจากมุมมองในการทำธุรกิจไม่เหมือนกัน ประทีป จึงตัดสินใจทิ้งหุ้นส่วนน้อยไว้ที่มั่นคงเคหะการ และหอบเงินอีกจำนวนหนึ่งมาสร้างฝันของตัวเองในชื่อว่า “ศุภาลัย” ซึ่งเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด และกลายเป็นอาณาจักรหมื่นล้านได้อย่างในปัจจุบัน

“ชีวิตผมต้องบาลานซ์ระหว่างความกล้า กับความกลัว คนทุกคนเกิดมาพร้อมกับความกลัวอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเข้าใจ และเรียนรู้ รู้เหตุรู้ผล ก็จะทำให้ความกลัวนั้นหายไปได้

อีกหนึ่งต้นทุนสำคัญที่ทำให้ประทีปมีวันนี้ได้ คือ “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่งผู้บริหารรายนี้ให้ความสำคัญมาก

“เราไม่กู้เกินทุนที่มี และที่สำคัญคือต้องมีความรู้ ยิ่งรู้มากก็ยิ่งเสี่ยงน้อย โดยเราพยายามหาคำตอบว่าแนวทางที่ถูกต้องคืออะไร ลองผิดลองถูก ทำแล้วไม่ดีก็เลิก แต่ก็ต้องทำถูกมากกว่าทำผิด เพราะถ้าทำผิดบ่อยความน่าเชื่อถือก็ไม่เกิด และสิ่งที่เราจะไม่ทำเด็ดขาด คือ ไปโกงเขามา ความน่าเชื่อถือจึงเป็นต้นทุนที่สำคัญของเรา”

ปัจจุบัน เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 50 ของประเทศไทย จัดอันดับโดย Forbes มีมูลค่าทรัพย์สิน 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

8.Donald Trump

ในการจัดอันดับมหาเศรษฐีระดับโลกของนิตยสารฟอร์บส์ ในปี 2007 โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 314 ของโลก ความร่ำรวยของเขานั้นมาจากมรดก และความสามารถเพิ่มพูนมรดกที่ได้รับมานี้ให้มีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยแหล่งของรายได้นั้นมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเขามีทรัพย์สินทั้งหมด 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภายในเวลา 10 กว่าปี เขาก็ไต่เต้าจนกลายเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นหาตัวจับยากแห่งยุคทศวรรษ 1980 โดย “โดนัลด์ ทรัมป์” กว้านซื้อที่ดินก้อนใหญ่ๆ มูลค่ามหาศาลไปทั่วนิวยอร์ก แต่พอมาในตอนต้นทศวรรษที่ 1990 โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มประสบกับปัญหาการเงิน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งประสบปัญหาทางการเงิน เขามาถึงจุดตกต่ำสุดเมื่อธนาคารบังคับให้เขาล้มละลายจากหนี้เงินกู้ 2 พันล้านดอลลาร์ที่ไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนได้ เขาต้องเผชิญต่อปัญหาการเงินอย่างหนัก เพราะกู้หนี้ยืมสินมากเกินตัวเพื่อขยายธุรกิจ แต่สุดท้ายเมื่อเศรษฐกิจอเมริกาตกอยู่ในภาวะถดถอยทั้งประเทศ ผลกระทบจึงลุกลามไปถึงธุรกิจของทรัมป์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายเขาต้องถูกบังคับให้เป็นบุคคลล้มละลาย

ปลายทศวรรษ 1990 เขาฟื้นฟูธุรกิจกลับมาได้อีกครั้ง และเริ่มกอบกู้ชื่อเสียงด้วยการสยายปีกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้าไปลงทุนเพิ่มในธุรกิจมีเดีย โดยนอกจากจะเป็นเจ้าของเวทีประกวดนางงามหลายรายการ ตั้งแต่มิสยูเอสเอ, มิสยูนิเวิร์ส ไปจนถึงมิสทีน ยูเอสเอ

แม้จะล้มลุกคลุกคลานมากี่หน แต่คติประจำใจที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ยึดถือไม่เคยเปลี่ยนก็คือ คนเราเกิดมาต้องทำงานหนัก และทำงานที่รักถึงจะประสบความสำเร็จ

อ้างอิง:
ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์. 2543. นิตยสารผู้จัดการ. (ตุลาคม)
Mthai. 2554. ตัน ภาสกรนที วิถีของนักธุรกิจ ที่ไม่เคยตัน (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://men.mthai.com/infocus/33191.html
2529. ผู้จัดการ. (ตุลาคม)
2543. นิตยสารผู้จัดการ. (ตุลาคม)
2547. Positioningmagazine. (ตุลาคม)
2552. ASTVผู้จัดการรายวัน. (16 มกราคม)
2555. “ประทีป ตั้งมติธรรม” คน (เคย) จน ผู้ยิ่งใหญ่ กรุงทพธุรกิจ. (6 กุมภาพันธ์)
2556. “ซีรีส์ 15 ปี วิกฤติ 2540 : “ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ จากเศรษฐีพันล้าน สู่พ่อค้าแซนด์วิช” ThaiPublica. (7 พฤศจิกายน )
2556. “ผ่าอาณาจักรอสังหาฯ โสภณพนิช ‘ซิตี้ เรียลตี้’” ฐานเศรษฐกิจ. (25 มิถุนายน)
2557. “พักยกหยุดหายใจ” คาถา”อนันต์ อัศวโภคิน” ข่าวสด. (5 เมษายน)

ที่มา : TerraBKK.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น