ไทยพาณิชย์แจ้งกำไรไตรมาส 3 จำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% ระบุเป็นผลจากการบริหารต้นทุนดอกเบี้ย ขณะที่รายได้ค่าฟียังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2557 มีกำไรสุทธิ 13,252 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2556 โดยเป็นการเติบโตที่ต่อเนื่องและติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 10 โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากการลดลงอย่างเด่นชัดในค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าธรรมเนียม และการลดลงของสำรองหนี้สงสัยจะสูญ แม้ว่ารายได้จากเงินปันผลรับน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ คุณภาพสินเชื่อโดยรวมคงตัวอยู่ที่ 2.11% แม้จะอยู่ภายใต้ภาวะความกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2557 ว่า ธนาคารตระหนักตั้งแต่ต้นปีว่า ปี 2557 เป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับธุรกิจการธนาคาร เราจึงได้มีการปรับยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งรวมถึงการลดต้นทุนเงินฝาก และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน แต่ในขณะเดียวกันได้มีการปรับและวางรากฐานทางธุรกิจเพื่อยกระดับการดำเนินงานเตรียมรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไปในอนาคตด้วย ผลสำเร็จที่เกิดในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิผลของการดำเนินการได้อย่างชัดเจน
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 10.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2556 มาอยู่ที่ 20,842 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2557 เป็นผลมาจากการลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการลดต้นทุนเงินฝากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ในส่วนของสินเชื่อ มีการขยายตัวเล็กน้อยในระดับ 2.7% ต่อปี สะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้ออำนวยให้ลูกค้ามีความต้องการในสินเชื่อใหม่เพื่อขยายธุรกิจ
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 อันเป็นผลจากการลดลงของรายได้เงินปันผลรับที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3/2556 แต่เมื่อดูเฉพาะในส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิของไตรมาสที่ 3/2557 ยังมีการเติบโตที่ต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2556
รายจ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 3.4% ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร ในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การปรับใช้ทรัพยากร และการปรับระบบงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost-to-Income Ratio) ของไตรมาส 3/2557 มาอยู่ที่ 37.6% ลดลงจาก 38.4% ของไตรมาสที่ 3/2556
คุณภาพของสินทรัพย์โดยรวมทรงตัว อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 อยู่ที่ 2.11% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับ ณ สิ้น ไตรมาส 2/2557 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3/2556 ซึ่งอยู่ที่ 2.08% จากการที่คุณภาพของสินทรัพย์อยู่ในระดับทรงตัว ในไตรมาสที่ 3/2557 ธนาคารจึงได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในระดับเดียวกับสองไตรมาสที่ผ่านมา