xs
xsm
sm
md
lg

ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส เทรดวันแรกเหนือจอง 160%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส เทรดวันแรกสูงกว่า IPO เกือบ 160% หรือ 2.60 บาท จากราคาจองที่หุ้นละ 2.50 บาท โบรกฯ ประสานเสียงผลงาน FSMART อนาคตจะเติบโตดีทั้งรายได้และกำไร หลังเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินบริการ ส่งผลให้มีส่วนแบ่งในตลาดเติมเงินเพิ่มอีกกว่าเท่าตัว

วานนี้ (13 ต.ค.) หุ้นของ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai โดยพบว่า เปิดเทรดวันแรกราคาอยู่ที่ 6.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 4 บาท คิดเป็น 160% จากราคาขาย IPO ที่ 2.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 450.57 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวกและช่วงบ่ายราคาค่อยขยับลงและปิดที่ 5.10 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาจอง 2.60 บาท คิดเป็น 104% ระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 6.65 บาท ต่ำสุดที่ 4.96 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,980.69 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ FSMART ทำบทวิเคราะห์ประเมินว่า ได้ประเมินมูลค่าหุ้น FSMART ตามปัจจัยพื้นฐานปี 58 อยู่ที่ 4.30 บาท (DCF) โดยคาดว่ากำไรปี 57-58 จะโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง 65% จากปีก่อน และ 34% จากปีก่อน ตามลำดับ จากการเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินบริการ และยังมีศักยภาพในการเติบโตจากการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เช่น ตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือร่วมกับการขายสินค้า

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ทำบทวิเคราะห์ฯ ประเมินราคาเป้าหมายปีหน้าของ FSMART ที่หุ้นละ 4 บาท โดยอิง PER = 15.0x และมองว่ามีความน่าสนใจลงทุนจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจตู้เติมเงิน “บุญเติม” ที่จะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเติมเงินได้อีกกว่าเท่าตัวในปี 59

ทั้งนี้ อาศัยจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ดึงดูดผู้แทนบริการให้เข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถคืนทุนได้เร็วจากรายได้ของตู้เติมเงินที่มีจุดแข็งในด้านของบริการที่หลากหลายและมีความสะดวกสบาย และสามารถเริ่มธุรกิจได้ง่ายจากที่การพัฒนาบริการของตู้เติมเงินเป็นหน้าที่ของบริษัทเอง ประกอบกับยังมองว่ายังมีช่องว่างอีกมากในตลาดเติมเงิน ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง และส่งให้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 45% CAGR ในช่วง FY14-16F

บริษัทคาดว่า จะมีส่วนแบ่งตลาดเติมเงินเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวมาอยู่ที่ประมาณ 13% ในปี 59 จากประมาณ 6% ในปี 56 จากที่บริษัทสามารถเพิ่มตู้เติมเงินเข้าไปยังหมู่บ้านในแต่ภูมิภาคของประเทศที่ยังมีช่องว่างอยู่อีกมาก และบริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 45% CAGR ช่วง 57-59 หรือราว 155 ล้านบาท 213 ล้านบาท และ 264 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตที่ 78%, 37% และ 24% ตามลำดับ มาจากการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 29% CAGR ในช่วงเดียวกัน โดย FSMART เสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 104 ล้านหุ้น และอีก 96 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ FORTH โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปลงทุนเพิ่มจำนวนตู้เติมเงินบุญเติมเพื่อขยายไปในพื้นที่ต่างๆ ให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดย FSMART มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO คือ FORTH ถือหุ้น 45.75%, กลุ่มอมตานนท์ ถือหุ้น 6.47% และนางมนต์ทิพย์ วิทยากร ถือหุ้น 5.23% สำหรับ FSMART เป็นผู้ให้บริการเติมเงินมือถือประเภทเติมเงินล่วงหน้าและบริการออนไลน์อื่นๆ ผ่านเครื่องรับชำระเงินอัตโนมัติระบบออนไลน์ภายใต้ชื่อตู้ บุญเติม สำหรับกำไรในอดีตเติบโตก้าวกระโดดจากที่เคยขาดทุน 25 ล้านบาทในปี 54 เป็นกำไร 87 ล้านบาทในปี 56


กำลังโหลดความคิดเห็น