“จีแลนด์” เปิดอภิมหาโปรเจกต์ “ซุปเปอร์ ทาวเวอร์” ตึกสูง 125 ชั้น 615 เมตร ภายในโครงการเดอะ แกรนด์ พระราม 9 ใช้เงินลงทุนกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท คาดสร้างแล้วเสร็จปี 2563 เผยแผนปี 58 เปิด 3 โครงการ คอนโดฯ บ้านเดี่ยว มูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท
นายโยธิน บุญดีเจริญ ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLAND เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพัฒนาโครงการอาคารซุปเปอร์ทาวเวอร์ สูง 125 ชั้น 615 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในอาเซียน หรือติดอันดับ 1 ใน 10 อาคารสูงที่สุดในโลก มีพื้นที่ก่อสร้าง 320,000 ตารางเมตร ใช้เม็ดเงินลงทุน 18,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการ เดอะ แกรนด์ พระราม 9 ภายในอาคารซุปเปอร์ทาวเวอร์ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน, โรงแรมระดับ 6 ดาว, ห้องประชุม, ภัตตาคารและชั้นบนสุดจะเป็นจุดชมวิว โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2558 คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี หรือแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2563 ซึ่งหลังจากนี้จะจัดประกวดตั้งซื่อใหม่อีกครั้ง
สำหรับโครงการเดอะ แกรนด์ พระราม 9 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 73 ไร่ บริเวณสี่แยกพระราม 9 จุดตัดถนนรัชดาภิเษก เชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 1.2 ล้านตารางเมตร รองรับคนได้สูงถึง 2-3 แสนคนต่อวัน โดยมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 100,000 ล้านบาท
เดอะ แกรนด์ พระราม 9 ประกอบด้วย โครงการที่พักอาศัยคอนโดมิเนียม เบ็ล แกรนด์ พระราม 9 จำนวน 8 อาคารประมาณ 2,000 ยูนิต มูลค่า 14,000 ล้านบาท ขายไปแล้ว 7 อาคาร เหลืออีก 1 อาคาร จำนวน 250 ยูนิต เตรียมเปิดขายปลายปีนี้ ระดับราคา 5-30 ล้านบาท หรือเริ่มต้นประมาณ 1 แสนบาท/ตร.ม.
อาคารสำนักงาน ประกอบด้วย จีแลนด์ ทาวเวอร์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จปีหน้า, เดอะ ไนน์ ทาวเวอร์ส ตึก A และตึก B เปิดให้บริการแล้ว 6 เดือน ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 90% รวมถึงอาคารสำนักงานใหญ่ยูนิลิเวอร์ ที่บริษัทสร้างและปล่อยเช่าระยะเวลา 20 ปี ราคาค่าเช่าสำนักงานประมาณ 650 บาท/ตร.ม./เดือน
โรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 285 ห้อง มูลค่า 2,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ภายในเดอะแกรนด์ พระราม 9 ยังประกอบด้วยศูนย์ประชุมและห้องจัดเลี้ยง, ช็อปปิ้งอาร์เขด ประกอบด้วย ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา แกรนด์ พระราม 9, เดอะ ช็อปปส์ แกรนด์ พระราม 9
“จีแลนด์บริหารและพัฒนาโครงการต่างๆ ดังกล่าว จึงทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ จากนั้นจีแลนด์จะนำเม็ดเงินส่วนนี้มาพัฒนาโครงการซุปเปอร์ ทาวเวอร์ โดยเป็นเงินลงทุนเอง 40% อีก 60% เป็นการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย ซึ่งโครงการ ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของประเทศไทย ที่เป็นทั้งศูนย์กลางธุรกิจชั้นนำและสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกที่ทุกคนจะต้องมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต” นายโยธิน กล่าว
สำหรับในปี 2558 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม บนถนนโลคัลโรด ความสูง 16 ชั้น จำนวน 17 อาคาร มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท, โครงการแกรนด์ คาแนล ดอนเมือง เฟสสอง เป็นโครงการบ้านเดี่ยว มูลค่า 2,000 ล้านบาท ราคาขายยูนิตละ 7-8 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม ย่านดอนเมือง ความสูง 16 ชั้น จำนวน 6-7 อาคาร บนพื้นที่ 30 ไร่ มูลค่า 10,000 ล้านบาท
นายโยธิน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ภาครัฐได้ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ขณะที่ในปี 2558 ประเทศจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี มั่นใจว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุน เนื่องจากมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในด้านคมนาคม
