แสนสิริ ฟุ้งผลประกอบการครึ่งปีแรก 2557 กำไร 1,367 ล้านบาท โต 2 เท่า หรือคิดเป็น 214% ขณะที่รายได้รวมลดลง 10% เหลือ 11,646 ล้านบาท ยอดขาย 6 เดือน 10,015 ล้านบาท ลดลง 18% แจงเป็นไปตามภาวะตลาด เผยไตรมาส 3 เตรียมโอน 7 โครงการ
นายวันจักร บุรณศิริ กรรมการผู้รับมอบอำนาจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยงวดไตรมาส 2/2557 และงวดหกเดือน 2557 ว่า ในไตรมาสที่ 2/2557 แสนสิริมีรายรับรวมทั้งสิ้น 6,144 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 จากจำนวน 7,703 ล้านบาท ของไตรมาสที่ 2/2556 เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากการขายโครงการและรายได้จากโครงการเพื่อเช่า โดยลดลงที่ร้อยละ 21 และร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2556 ตามลำดับ ส่งผลให้รายรับรวมสำหรับงวดหกเดือนของปี 2557 มีจำนวน 11,646 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับงวดหกเดือนของปี 2556 ทั้งนี้ รายได้จากการขายโครงการยังคงเป็นรายได้หลักของแสนสิริ อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าบริการธุรกิจมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ในไตรมาสที่ 2/2557 ส่งผลให้รายได้ค่าบริการธุรกิจสำหรับงวดหกเดือนของปี 2557 เพิ่มขึ้นร้อยละ14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ส่วนกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 2/2557 มีจำนวน 537 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 521 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2556 ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับงวดหกเดือนเพิ่มขึ้นจาก 434 ล้านบาท ในปี 2556 มาอยู่ที่ 1,367 ล้านบาทในปี 2557
รายได้จากการขายโครงการในไตรมาสที่ 2/2557 มีจำนวน 5,863 ล้านบาท ลดลงที่ร้อยละ 21 เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จากการขายในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 7,374 ล้านบาท เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากโครงการทาวน์เฮาส์/อาคารพาณิชย์และโครงการคอนโดมิเนียม ส่งผลให้รายได้จากโครงการเพื่อขายสำหรับงวดหกเดือนของปี 2557 ลดลงที่ร้อยละ 18 หรือมีจำนวน 10,015 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดหกเดือนของปี 2556 ที่มีจำนวน 12,247 ล้านบาท
แสนสิริและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยวร้อยละ 51.2 จำนวน 3,000 ล้านบาท รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมร้อยละ 40.8 จำนวน 2,391 ล้านบาท และรายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์ร้อยละ 7.8 จำนวน 459 ล้านบาท
งวดหกเดือนของปี 2557 รายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ขณะที่รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียม และโครงการทาวน์เฮาส์ลดลงร้อยละ 34 และร้อยละ 21 ตามลำดับ สำหรับรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยวปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากจำนวน 2,609 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2556 มาอยู่ที่จำนวน 3,000 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2557 และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 สำหรับงวดหกเดือนของปี 2557 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยรายได้หลักของโครงการบ้านเดี่ยวมาจาก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น โครงการนาราสิริ บางนา และโครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์- จรัญฯ 2 โดยมีรายรับรวมจาก 3 โครงการจำนวน 863 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2557 คิดเป็นร้อยละ 15 ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด
รายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์ลดลงจากจำนวน 538 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2556 มาอยู่ที่ 459 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2557 โดยรายได้หลักของโครงการทาวน์เฮาส์มาจาก 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการฮาบิทาวน์โฟลด์ ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ โครงการทาวน์อเวนิว ซิกซ์ตี้ วิภาวดี 60 โครงการฮาบิทาวน์เกาะแก้ว-ภูเก็ต และโครงการทาวน์อเวนิว โคโคส พระราม 2 ซอย 50 โดยมีรายรับรวมของ 4 โครงการในไตรมาสที่ 2/2557 อยู่ที่ 261 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์สำหรับงวดหกเดือนของปี 2557 ปรับลดลงร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับงวดหกเดือนของปี 2556 ในส่วนของรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมลดลงเช่นเดียวกัน โดยลดลงร้อยละ 43 จากจำนวน 4,210 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2556 มาอยู่ที่จำนวน 2,391 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2557 โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจาก 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท รังสิต โครงการ 23 องศา คอนโด และโครงการดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท โดยรายรับของทั้ง 3 โครงการในไตรมาสที่ 2/2557 รวมจำนวน 1,031 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด สำหรับงวดหกเดือนของปี 2557 รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมได้ลดลงร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
แสนสิริและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารในไตรมาสที่ 2/2557 จำนวน 1,249 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.3 ของรายได้รวม โดยลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ร้อยละ 23.6 ของรายได้รวม ส่งผลให้งวดหกเดือนของปี 2557 มีค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารลดลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนค่าใช้จ่ายในการขายในไตรมาสที่ 2/2557 จำนวน 526 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.6 ของรายได้รวม ปรับลดลงอย่างมากจากจำนวน 1,008 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.1 ของรายได้รวมในไตรมาสที่ 2/2556 สาเหตุหลักมาจากในไตรมาสที่ 2/2557 สภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัว ความเชื่อมั่นของลูกค้ายังไม่กลับคืนมา แสนสิริจึงได้ตัดสินใจชะลอการลงทุนออกไป ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2/2557 แสนสิริเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 2 โครงการ ลดลงเมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ของไตรมาสที่ 2/2556 ที่มีจำนวนมากถึง 8 โครงการประกอบกับแสนสิริได้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด สำหรับไตรมาสที่ 2/2557 มีจำนวนลดลงอย่างมาก ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาสที่ 2/2557 (รวมค่าตอบแทนผู้บริหาร) จำนวน 723 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.8 ของรายได้รวมในไตรมาสที่ 2/2557 ปรับลดลงจากจำนวน 813 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2556 เป็นผลมาจากนโยบายในการใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ค่าใช้จ่ายในการขายสำหรับงวดหกเดือนของปี 2557 เมื่อเทียบกับงวดหกเดือนของปี 2556 ปรับลดลง มาอยู่ที่ร้อยละ 9.6 ของรายได้รวม ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 3 มาอยู่ที่ร้อยละ 13 ของรายได้รวม
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แสนสิริ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,929 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิไปได้แล้วถึง 1,367 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้อีกจำนวนมาก จากโครงการคอนโดมิเนียมที่มีการเตรียมส่งมอบถึงอีก 14 โครงการ นอกจากนี้ การเดินหน้าตามแผนธุรกิจ “Engineer for Growth” ยังทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่า จะมีกำไรสุทธิเติบโตกว่าในปีที่แล้ว โดยจะเห็นได้ว่า แผนธุรกิจบางอย่างที่ได้เริ่มต้นไปแล้วและสามารถส่งผลได้ในระยะสั้น ส่งผลให้กำไรในไตรมาสที่ 2 เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแผนธุรกิจบางประการที่จะส่งผลในระยะกลางและยาว อาทิ การปรับเปลี่ยนการทำงานแบบ value chain ที่ให้ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายก่อสร้าง ทำงานร่วมกันแบบองค์รวมเพื่อให้งานก่อสร้างมีคุณภาพและประสิทธิภาพของต้นทุนที่ดีขึ้น ลดความเสียหายจากการก่อสร้างจะค่อยๆ ส่งผลให้กำไรของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและดีขึ้นอีก
สำหรับไตรมาส 3 ของปี 2557 นี้ บริษัทได้เตรียมโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยเพื่อตอบรับความต้องการที่อยู่อาศัยจริงที่พร้อมเข้าอยู่อาศัยอีกประมาณ 7 โครงการในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ โครงการ เดอะ เบส พระราม 9-รามคำแหง และเดอะ เบส อัพทาวน์-ภูเก็ต คอนโดมิเนียมภายใต้คอนเซปต์ dcondo campus concept 3 โครงการ ได้แก่ ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท ราชพฤกษ์-จรัญฯ 13, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางนา และดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท กู้กู-ภูเก็ต และคอนโดมิเนียมตากอากาศริมหาดชะอำ-หัวหิน อีก 2 โครงการ ได้แก่ บ้านแสนงาม หัวหิน และบ้านทิวลม ชะอำ โดยจะเริ่มโอนโครงการดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท กู้กู-ภูเก็ต และบ้านทิวลม ชะอำ-หัวหิน ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้