รมว.คลัง หวังสถาบันจัดอันดับขยับเพิ่มเครดิตไทย หลังแก้ปัญหาภายในประเทศหลายด้าน ทั้งภาคเศรษฐกิจและภาคการเมือง ขณะที่ต่างชาติมองว่า ไทยมีความเข้มแข็งของพื้นฐานเศรษฐกิจ ทั้งภาระหนี้สาธารณะ ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ 170,000 ล้านดอลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าสูงมาก
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเดินทางไปสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9-12 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศปี 2557 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจไทยว่า หากสถานการณ์ส่งออกปีนี้ดีขึ้นจะทำให้จีดีพีขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 1.5 และขอโทษกลุ่มอาเซียน เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ทำให้ตัวเลขการส่งออกของอาเซียนมีค่าเฉลี่ยลดลง
นอกจากนี้ ยังหารือกับสถาบันจัดอันดับเครดิต พบว่ามีมุมมองต่อประเทศไทยดีขึ้น โดยยืนยันกับนักลงทุนต่างชาติว่าแม้รัฐบาลจะมาจากการปฏิวัติ แต่รูปแบบการบริหารดำเนินการในรูปแบบประชาธิปไตย เพราะมีทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหน้าที่สภา และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำหน้าที่ปฏิรูปด้านต่างๆ และการเดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญ โดยต่างชาติมองว่าไทยมีความเข้มแข็งของพื้นฐานเศรษฐกิจทั้งภาระหนี้สาธารณะ ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ 170,000 ล้านดอลาร์สหรัฐ นับว่าสูงมาก
ดังนั้น จากนี้หากจะมีมุมมองในการขยับเพิ่มอันดับเครดิตไทย ทั้งเอสแอนด์พี มูส์ดี้ ฟิทเรตติ้ง หากจะปรับอันดับจาก BBB+, A- เพื่อขยับไปเป็นระดับ A คงต้องติดตามดูไทยความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ การมีธรรมาภิบาลทั้งจากภาครัฐและเอกชนอย่างชัดเจน การเดินหน้าปราบคอร์รัปชัน เพื่อให้การเปลี่ยนแแปลงทางสังคมควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจ
สำหรับการช่วยเหลือชาวนา จากการเดินทางไปต่างประเทศพบว่า การช่วยเหลือชาวนามีทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) มาเลเซีย แต่ประเทศเหล่านี้มีระบบติดตาม ตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ระบบดาวเทียมติดตามดูว่ามีการปลูกพืชจริงตามที่ได้ลงทะเบียนหรือไม่ และการใช้ระบบดาวเทียมประเมินดูศักยภาพการเสียภาษี ด้วยการลิงก์ข้อมูลเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูกว่าการมีรถยนต์ราคาแพง บ้านขนาดใหญ่ เทียบกับการประกอบอาชีพมีความสอดคล้องกันหรือไม่ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันรองรับแผนการจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สิน และแนวทางการจัดเก็บภาษีอีกหลายด้านซึ่งกำลังศึกษาในขณะนี้