หัวหน้าพรรคคนไทย ปูด “ข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ” ยังเรียกสินบนแม้ในยุค คสช. ชี้ภาคขนส่งโดนไถหนักสุด ห่วงปมราชภักดิ์ทำ “ประยุทธ์” มัวหมองภาพลักษณ์ปราบโกง แนะใช้อำนาจเด็ดขาด-ตรงไปตรงมากู้ศรัทธา สร้างความกระจ่างให้สังคม เตือนบางกลุ่มหาเรื่องทะเลาะต่างชาติ ซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว
วันนี้ (30 พ.ย.) นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการเร่งรัดการทำงาน และเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลว่า เข้าใจว่าการเร่งผลักดันการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่อยากให้นายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องระมัดระวังการรั่วไหลของงบประมาณด้วย เนื่องจากส่วนตัวได้รับการปรึกษาและร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเข้ามาจัดระเบียบในหลายๆ เรื่องแล้ว แต่ก็ยังมีการเรียกรับสินบนและค่าตอบแทนในหลายๆหน่วยงาน โดยข้าราชการ ทหาร และตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงเป็นภาคขนส่ง สะท้อนให้เห็นว่าการทุจริตยังมีอยู่แม้ในยุคที่นายกฯประกาศเอาจริงในการปราบปรามการทุจริตยังไม่รวมถึงกรณีโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่บัดนี้ได้สร้างความกังขาไปในวงกว้าง หากนายกฯ ไม่รีบสะสางปัญหาก็จะหมดความสง่างาม และหมดความชอบธรรม เพราะการทุจริตคอร์รัปชันเป็นหัวข้อสำคัญประการหนึ่งของรัฐบาล และ คสช.
“อยากให้ท่านนายกฯ ใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ให้ข้อมูลสร้างความสับสนว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ก็ควรเป็นหน้าที่ของผู้นำรัฐบาลในการออกมาแก้ไขหลายเรื่องที่สร้างความสับสน เพื่อให้เกิดศรัทธากับตัวท่านนายกฯ รัฐบาล และ คสช.” นายอุเทนกล่าว
นายอุเทนกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงท่าทีของบางฝ่ายที่พยายามทำให้ประเทศไทยเป็นคู่ขัดแย้งกับต่างชาติ ทั้งที่เวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปแก้ไขปัญหาภายในประเทศ ไม่ควรจะไปสร้างเรื่องให้เราต้องไปทะเลาะกับใคร หรือไปชักศึกเข้าบ้าน ที่สำคัญช่วงเวลาเศรษฐกิจทั้งภายในภายนอกประเทศก็ยังไม่ฟื้นตัว การทำมาค้าขายกับต่างประเทศก็ซบเซา หากสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีกก็ยิ่งซ้ำเติมภาวะทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคการส่งออกมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ อยากให้รัฐบาลทำความเข้าใจกับสถานการณ์ให้ถ่องแท้ว่า ทั่วโลกก็มีปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน การมุ่งเน้นแต่เรื่องการส่งออกจึงไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง เนื่องจากคู่ค้าไม่ได้มีกำลังซื้อเหมือนเช่นเดิมแล้ว รัฐบาลจึงควรยึดนโยบายลดรายจ่าย มากกว่ามุ่งที่จะเพิ่มรายได้ บางนโยบายที่ออกมาก็ไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้ ยกตัวอย่างนโยบายให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประการเอสเอ็มอี ก็ควรมีการสำรวจว่าสินเชื่อที่ได้รับไปนั้นเป็นเพียงการผ่องถ่ายหนี้ หรือนำไปสร้างงานตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลจริงๆ