นายกสมาคมค้าทองคำ แนะนักลงทุนทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาทองมีโอกาสปรับลดลงได้อีก ย้ำปีหน้ามีโอกาสเห็นราคาทองต่ำกว่า 18,000 บาท แย้มปีหน้าได้เห็นศูนย์ Gold Exchange หวังดึงเงินลงทุนตัดหน้าสิงคโปร์และฮ่องกง
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ ประจำเดือนตุลาคม 2557 ว่า ปรับตัวลดลง 3.94 จุด จากเดือนกันยายน 2557 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 38.67 จุด โดยปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากแรงกดดันการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความวิตกเกี่ยวกับสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังเฟดเตรียมยกเลิกมาตรการคิวอี รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องไปอีก
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49.57 จุด ลดลงจากเดือนก่อน 7.08 จุด จากความกังวลปัจจัยดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะอยู่ในกรอบ 1,160-1,240 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 18,000-19,000 บาท/บาททองคำ สำหรับในปีหน้าคาดว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับลดลงถึง 17,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 22,000 บาท
ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ยอมรับว่า จากหลายเหตุการณ์ในช่วงปลายปี ทั้งความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน ปัญหาความวุ่นวายในสหภาพยุโรป และการประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ทำให้ประเมินราคาทองคำค่อนข้างยาก
ซึ่งเชื่อว่าในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะอยู่ที่ 1,100-1,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 18,000-20,000 บาท/บาททองคำ โดยราคาทองคำยังมีโอกาสผันผวน ซึ่งในปีหน้าคาดว่าราคาทองคำในประเทศอาจจะได้เห็นราคาต่ำกว่า 18,000 บาท/บาททองคำ
ดังนั้น จึงอยากแนะนำนักลงทุนทองคำให้เร่งทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาทองคำยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก โดยยังต้องจับตาสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะต่างประเทศที่เป็นปัจจัยต่อราคาทองคำในตลาดโลกได้
นายจิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในปีหน้าคาดว่าจะได้เห็นศูนย์บริการทองคำ Gold Exchange ซึ่งเปิดให้บริการซื้อขายทองคำในประเทศ โดยนักลงทุนต่างชาติและในประเทศสามารถเข้ามาลงทุนในศูนย์ดังกล่าวได้ โดยปัจจุบันยังอยู่ในแนวทางการพูดคุยถึงโครงสร้างของศูนย์บริการดังกล่าว ซึ่งจะร่วมมือระหว่างสมาคมค้าทองคำและตลาดหลักทรัพย์ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะจัดตั้งบริการซื้อขายทองคำแท่งประเภท 99.99% และ 96.50%
โดยการจัดตั้งศูนย์บริการดังกล่าวอยากให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากปัจจุบันนี้ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงเริ่มรุกตลาดศูนย์กลางทองคำมากขึ้น โดยการดึงตัวผู้ค้าทองคำรายใหญ่ในประเทศไทยไปลงทุนในประเทศตัวเอง โดยยื่นข้อเสนอที่น่าจูงใจหลายอย่าง อาทิ เรื่องภาษี เป็นต้น ดังนั้น ทางสมาคมค้าทองคำจึงอยากทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายทองคำที่สะดวกมากขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับผู้ค้าทองคำทั้งหมด
