xs
xsm
sm
md
lg

หุ้น Q4 ต้องปรับฐานก่อน ยูโรกดดันทองคำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV Stock Market ในเครือ ASTVผู้จัดการ นำเสนอรายการ “เข็มทิศตลาดทุน” เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย และการลงทุนในทองคำ ซึ่งในช่วง“กูรูแนะทิศทาง”ครั้งนี้ “เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4 ว่า นักลงทุนต้องระวังการปรับฐานของดัชนีบ้าง จากที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นแรง และค่า P/E ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 16.5 เท่า ซึ่งมองว่าเป็นกรอบที่เกินภาวะปกติ ทำให้การปรับฐานในช่วงเวลาสั้นๆ จำเป็นต้องเกิดขึ้นแต่ไม่รุนแรงมาก

“แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติในรอบนี้มองว่าจะไม่หนักมากนัก และไม่น่าจะมีผลมากเท่าใด ขณะที่นักลงทุนในประเทศบางส่วนเชื่อว่าจะเข้ารับแรงขายดังกล่าวไว้ได้ ตอนนี้ยังไม่เห็นเหตุปัจจัยอะไรที่จะมากดดันตลาดรุนแรงมากนัก”

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนในไตรมาส 4 มองว่ายังมีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ กลุ่มขนส่ง AOT มีความโดดเด่น ขณะที่รับเหมามองไปที่ STPI และ TTCL กลุ่มมีเดียอย่าง BEC น่าสนใจเพราะลงมาเยอะ ขณะที่แนวโน้มผลดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในปีนี้มองว่ากำไรสุทธิของ บจ.ยังเป็นไปตามเป้าหมาย
 


ขณะที่ช่วง “ส่องกล้อง Fututrs & Commodity”ด้าน “วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้ ว่า ราคาทองคำยังคงมีความผันผวน เหตุจากย่อตัวลงมาทดสอบแนวนับที่ 1,208-1,206 เหรียญ/ออนซ์ แต่ยังมีแรงซื้อผลักดันราคาขึ้นทดสอบ 1,230-1,235 เหรียญ/ออนซ์

“ปัจจัยที่กดราคาหลักๆ ในช่วงที่ผ่านมามองไปที่ค่าเงินยูโรที่อ่อนตัวลง และส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เหตุผลมาจากประธานธนาคารกลางยุโรป ส่งสัญญาณจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง QE มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจยุโรป จึงกดดันให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง ดันให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากขึ้น”

โดยรวมราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,200-1,180 เหรียญ/ออนซ์ และแนวต้านที่ 1,243-1,280 เหรียญ/ออนซ์ แต่การลงทุนอาจต้องเข้าลงทุนในระยะสั้น โดยจับจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำมีการอ่อนตัวลง หากหลุดแนวรับอาจต้องชะลอการเข้าซื้อ ส่วนผู้ที่มีทองคำหากราคามีการปรับตัว อาจแบ่งทองคำออกมาขายในบางส่วน

“หากราคาทองคำสามารถขึ้นไปได้ถึง 1,250 เหรียญ/ออนซ์ ปัจจัยที่กดดันราคาปรับตัวลดลง จะหายไป”

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อจากนี้ คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป ว่า จะมีการส่งสัญญาณในการทำมาตรการ QE อย่างไร หากมีการใช้เม็ดเงินเป็นจำนวนมากก็จะกดดันให้เงินยูโรอ่อนตัวลง ราคาทองคำก็จะปรับตัวลงไปด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ หากตัวเลขออกมาสดใสจะส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำ แต่หากไม่ได้จะมีผลต่อการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ให้เร็วเกินไปนัก

ขณะเดียวกัน ในช่วงต้นเดือนตุลาคม ฝั่งเอเชียจะมีวันชาติจีนเกิดขึ้น ทำให้ตลาดทองคำในจีนหยุดทำการประมาณ 1 สัปดาห์ ทำให้ปริมาณการซื้อขายทองคำอาจเบาบางลง นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ
 
กำลังโหลดความคิดเห็น