xs
xsm
sm
md
lg

ชี้การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และสัญญาณขึ้น ดบ. ของเฟดอาจส่งผลต่อราคาทองคำปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คลาสสิก โกลด์” คาดราคาทองอาจปรับลงไปทำนิวโลว์ ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ หากราคาหลุดแนวรับ 1,180 ดอลลาร์/ออนซ์ คาดปีหน้ายังแกว่งไซด์เวย์ โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และการฟื้นตัวของ ศก.สหรัฐฯ ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

น.ส.ณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด คาดว่า แนวโน้มราคาทองคำในไตรมาส 4/57 จะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,180 ซึ่งเป็น low เดิมที่เคยลงไปในเดือน ธ.ค.56 หากสามารถดีดกลับได้ก็จะแกว่ง side way ในกรอบระหว่าง 1,200-1,350 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ถ้าแนวรับ 1,180 ไม่สามารถรับอยู่ คาดว่าราคาจะปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าเดิมบริเวณ 1,100-1,080 จากนั้นจะแกว่ง side way ในกรอบระหว่าง 1,080-1,250

ส่วนปีหน้าคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแกว่ง side way ในกรอบกว้างระหว่าง 1,180-1,380 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนปัจจัยบวกต่อราคาทอง คือ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในหลายภูมิภาค อัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการซื้อคืนทองคำเมื่อนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อทิศทางราคาทองว่าได้สิ้นสุดขาลงแล้ว และจะแกว่งตัว side way ในกรอบ ซึ่งอาจจะยังไม่เป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่การปรับตัวลดลงจะมีกรอบที่จำกัด เนื่องจากระดับราคาใกล้ 1,100-1,200 เป็นราคาที่เป็นแนวรับในระยะยาวของราคาทองคำ นักลงทุนระยะยาวจะกลับมาซื้อทองคำ ทำให้ราคามีโอกาสดีดกลับได้สูง จากนั้นราคาจะแกว่ง side way ในกรอบระหว่าง 1,180-1,380

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้ตลาดยังคงติดตามเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอังกฤษที่กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ปกลุ่มยูโรโซน และยุโรปตะวันออกเกิดการชะลอตัว ทางด้านเศรษฐกิจของจีน ก็ยังมีความเสี่ยง และอาจต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมทั้งญี่ปุ่น ที่กำลังฟื้นตัวขึ้น แต่การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มทำให้การใช้จ่ายบริโภคอ่อนตัวลง และขัดขวางการเติบโตในระยะสั้น ทำให้ยังต้องใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและมีผลทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง

อย่างไรก็ตาม การใช้นโยบายเพิ่มสภาพคล่องของธนาคารกลางยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ทำให้สภาพคล่องของเศรษฐกิจโลกสูง ซึ่งมีผลช่วยหนุนราคาหุ้น แต่ด้านราคาทองคำไม่ได้รับประโยชน์จากสภาพคล่องที่มีล้นเกินในขณะนี้ ความไม่สมดุลในเรื่องการฟื้นตัวในแต่ละภูมิภาคได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาก จึงเป็นปัจจัยที่กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ และน้ำมัน นอกจากนั้น ประเด็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในหลายภูมิภาค เช่น ยูเครน กับรัสเซีย สหรัฐฯ และกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรีย อิรัก และการประท้วงในฮ่องกง มีส่วนช่วยหนุนราคาทองคำอยู่บ้าง

ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องในเดือน ก.ย.หลังจากหลุดแนวรับบริเวณ 1,280 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเหตุการณ์ในยูเครนเริ่มคลี่คลาย และมีการเจรจาเพื่อหยุดยิง นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนกำหนด ทำให้มีการขายทองคำก่อนการประชุม FOMC ในวันที่ 16-17 ก.ย.ที่ผ่านมา และราคาทองคำได้ร่วงหลุดแนวรับบริเวณ 1,240/1,220 ลงมาทำ low ที่บริเวณ 1,208 ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาได้ และเคลื่อนไหวบริเวณ 1,220 อีกครั้ง เมื่อสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรีย แต่ราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือ 1,220 ได้ และปิดตลาดไตรมาสที่ 3 ไปที่ระดับราคา 1,208 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ ภาพแนวโน้มราคาทองคำในช่วงนี้คาดว่าจะแกว่ง side way down เมื่อนักลงทุนยังไม่เข้าซื้อทองคำ เพราะภาพทางเทคนิคยังเป็นขาลง และกองทุน SPDR ได้ขายทองคำออกอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวน 25.14 ตัน ในช่วงเดือนกันยายน ทำให้ความต้องการทองคำในตลาด Physical ลดลงในไตรมาสที่ 2/57

ทั้งจากจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ส่วนแนวโน้มในระยะกลาง-ยาว บริเวณใกล้ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นโซนแนวรับสำคัญ มีโอกาสที่ราคาจะแกว่งตัวสร้างฐานบริเวณนี้ก่อนจะดีดกลับ แต่ถ้าหลุดบริเวณนี้ราคาทองคำมีโอกาสลงต่อไปที่บริเวณ 1,050 ดอลลาร์/ออนซ์
กำลังโหลดความคิดเห็น