คุณมยุรี โชวิกรานต์ CISA วิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET กล่าวว่ากระแสเงินทุนต่างชาติในขณะนี้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน แม้ว่าจะขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย แต่ก็เพียง 425 ล้านบาท การคง Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เพียง 155 สัญญา และขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 แค่ 407 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงให้น้ำหนักต่อโอกาสการฟื้นตัวของ SET INDEX วันนี้ แม้วานนี้ (30 ก.ย.) ดัชนีจะไม่สามารถยืนเหนือ 1,590 จุดได้ก็ตาม ด้วยปัจจัยเอื้อเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยจากการที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติปรับราคาก๊าซ LPG/NGV เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นำเสนอต่อ ครม.วันนี้ ซึ่งเป็นบวกต่อ PTT โดยทุกๆ การขึ้น 1.00 บาทของ NGV ส่งผลบวกต่อราคาเหมาะสมของ PTT ที่ 10.00 บาท ขณะที่ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเตรียมเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เสนอต่อ ครม.วันนี้เช่นกัน ส่วนปัจจัยในต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยยังคงมาจากตลาดหุ้นฮ่องกงส่งผลทำให้เกิดแรงกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอื่นๆ โดยประกาศปิดทำการในวันที่ 1-2 ต.ค. ส่วนตลาดหุ้นจีนประกาศปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค.
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ คาดว่า ตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกจะแกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอดูผลการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) ซึ่งประเด็นหลักจะอยู่ที่ตัวเลขประเมินเศรษฐกิจจากการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำนักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณเหนือ 1,600 จุด หลังแนะนำให้เข้าสะสมเมื่อราคาหุ้นเป้าหมายอ่อนตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในการลงทุนช่วงสั้นซึ่งทยอยซื้อสะสมหุ้นที่ยังไม่ปรับราคาขึ้นมาตามภาวะตลาด ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น BBL และหุ้นกลุ่มพลังงานคือ PTT ที่กลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงจากการเตรียมเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในวันนี้
