โบรกฯ ชี้ ปัจจัยต่างประเทศ ยังกดดันตลาดหุ้นไทย คาดหวังปัจจัยบวกในประเทศ

โบรกฯ ชี้ ปัจจัยต่างประเทศ ยังกดดันตลาดหุ้นไทย คาดดัชนีแกว่งไซต์เวย์ลักษณะอิงในขาลง ด้านตลาดหุ้นหลักในต่างประเทศร่วงลงหนัก และต่างชาติมีการขายสุทธิ จึงรอเพียงการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของภาครัฐฯ เท่านั้น

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยวันนี้ (30 ก.ย.) โดยมองว่า ดัชนีน่าจะมีโอกาสปรับลงต่อเนื่อง โดยมีลักษณะเป็นการซึมลง ซึ่งตลาดช่วงนี้จะเป็นการปรับฐาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับขึ้นมา

สำหรับตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยรัฐบาลจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะรู้รายละเอียดในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งเบื้องต้นจะมีการลดต้นทุนการผลิตของภาคเกษตรกร ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะปัจจุบันสินค้าเกษตรราคาลดลง อาทิ ยางพารา นอกจากนี้ จะมีงบในการสร้างถนนต่างๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นผลดีต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

ส่วนปัญหาการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงถือเป็นปัจจัยลบในระยะสั้นต่อตลาดหุ้น เพราะทำให้นักลงทุนมีความกังวลว่า อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนได้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นออกมาก็เป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้น โดยให้แนวรับที่ 1,565 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,595 จุด

ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซต์เวย์ อิงไปทางขาลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากต่างประเทศ โดยนิกเคอิเช้านี้ได้ปรับตัวลง เช่นเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงไป 100 กว่าจุดเมื่อคืนที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดมาก็คงจะปรับตัวลงอีก เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย เพราะขณะนี้ก็ถือว่าได้หมดช่วงดอกเบี้ยขาลงแล้ว รอเพียงแต่ว่าเมื่อไรดอกเบี้ยจะขึ้นเท่านั้น ส่วนเหตุการณ์การประท้วงในฮ่องกงก็ยังต้องติดตามดู หากมีความยืดเยื้อก็จะส่งผลกระทบต่อ Fund Flow ได้

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติได้หันกลับมาขายสุทธิเมื่อวานนี้อีก ดังนั้น ขณะนี้จึงไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา รอเพียงการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของภาครัฐฯ พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595-1,600 จุด

ด้านภาวะตลาดหุ้นเช้านี้ ดัชนีเปิดบวกเล็กน้อย โดยเมื่อเวลา 9.58 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,586.49 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.04% มูลค่าการซื้อขาย 1,303.08 ล้านบาท ต่อมาเมื่อเวลา 10.01 น. ดัชนีปรับลงไปที่ระดับ 1,585.64 จุด ลดลง 0.15 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.01% มูลค่าการซื้อขาย 2,227.48 ล้านบาท