xs
xsm
sm
md
lg

คอนโดฯ ปี 57 เหนื่อยยอดขายลด สต๊อกบวม ลลิลสั่งเบรกลงทุนหันรุกบ้านแนวราบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชูรัชฏ์ ชาครกุล กับแบบบ้านภายในโครงการ แลนซีโอ คริป
ลลิลเผยยอดตลาดอสังหาฯ วูบ 7 เดือนยอดจดทะเบียนลด 13% เหลือ 63,157 ยูนิต คอนโดฯ หนักสุด 6 เดือนขายแค่ 19,262 ยูนิต สต๊อกเหลือขายในตลาด 57,289 ยูนิต สั่งเบรกลงทุนคอนโดฯ หันรุกบ้านแนวราบทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ไตรมาส 4 เตรียมเปิดเพิ่ม 3 โครงการมูลค่า 1,800 ล้านบาท ล่าสุด เปิดตัวบ้านแบรนด์ “แลนซีโอ คริป” 3 โครงการรวด

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 คาดว่า จะมีการทรงตัวถึงเติบโตเล็กน้อย เพราะปัจจัยบวกที่จะมากระตุ้นตลาดมีไม่มากนัก โดยปัจจัยบวกที่จะช่วยกระตุ้นตลาดในช่วงนี้มาจาก 1. การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณค้างท่อของภาครัฐที่มีอยู่กว่า 3 แสนล้านบาท ให้ออกมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ 2. แผนการลงทุนโครงข่ายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในระยะ 6-7 ปี 3. อัตราดอกเบี้ยคงที่ในระดับต่ำ 4. ความเชื่อมั่นทั้งภาคเอกชนและประชนชนฟื้นตัวดีขึ้น และช่วงไฮซีซันของภาคการส่งออก

ขณะที่ตลาดอสังหาฯยังมีปัจจัยลบที่ควรระมัดระวัง ได้แก่ 1. หนี้ครัวเรื่อนที่สูงถึง 80% ของจีดีพี สูงที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลทำให้กำลังซื้อลดลง 2. ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังน่ากังวล 3. ปัญหาแรงงานแม้ว่าจะลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้แต่ยังคงเป็นปัญหาอยู่ และ 4. สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของเกษตรกรลดลง กระทบต่อสินค้าอุปโภค-บริโภคลดลงตามไปด้วย

นายชูรัฐฏ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.57) ปรับตัวลดลง 13% จาก 72,241 ยูนิต ในปี 2556 เหลือเพียง 63,157 ยูนิตในปีนี้ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวจำนวน 8,639 ยูนิต เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดจดทะเบียน 8,286 ยูนิต ขณะที่ทาวน์เฮาส์ปรับตัวลดลงมากที่สุด 22% จาก 11,925 ยูนิตในช่วง 7 เดือนของปี 56 เหลือเพียง 9,297 ยูนิตในปีนี้ ส่วนคอนโดมิเนียมปรับลดลง 21% จาก 39,308 ยูนิตในปี 56 เหลือ 31,125 ยูนิตในปีนี้

ส่วนยอดเปิดโครงการใหม่ในรอบ 6 เดือนแรก ของปี 2557 พบว่า บ้านเดี่ยวมียอดเปิดตัว 12,544 ยูนิต เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 10,596 ยูนิต ในปี 2556, ทาวน์เฮาส์ ยอดเปิดตัว 19,596 ยูนิต ใกล้เคียงกับที่ 56 ที่มียอดเปิดตัว 19,171 ยูนิต และคอนโดมิเนียม เปิดตัว 32,462 ยูนิต ลดลงจาก 49,761 ยูนิต ในปี 2556

ขณะที่จำนวนยูนิตที่ขายได้ในช่วง 6 เดือนแรก 2557 พบว่า บ้านเดี่ยวขายได้ 6,982 ยูนิต ลดลงจาก 8,392 ยูนิตในปี 2556 ทาวน์เฮาส์ ขายได้ 9,899 ยูนิต ลดลงจาก 11,721 ยูนิต ในปี 2556 และคอนโดมิเนียม ขายได้ 19,262 ลดลงอย่างมากจาก 37,541 ยูนิตในปี 2556

จำนวนหน่วยเหลือขายรอบ 6 เดือนแรก สิ้นมิถุนายน 2557 พบ บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด จำนวน 45,079 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2556 ที่มีจำนวน 43,677 ยูนิต ทาวน์เฮาส์ เหลือขาย 55,362 ยูนิต จาก 46,601 ยูนิต ในปี 2556 และคอนโดมิเนียม เหลือขาย 57,289 ยูนิต ปี 56 เหลือขายจำนวน 42,960 ยูนิต

นายชูรัชฏ์ กล่าวว่า จากการที่ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัวลง อีกทั้งสต๊อกในตลาดยังมีเหลืออยู่มาก ทำให้บริษัทชะลอแผนการลงทุนคอนโดมิเนียม และหันมารุกตลาดบ้านแนวราบแทน โดยในช่วงไตรมาส 4 นี้จะเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 2-3 โครงการ มูลค่ารวม 1,700-1,800 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ 2 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ หลัง 3 ไตรมาสแรกเปิดโครงการไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ด้วยการเปิดตัวบ้านเดี่ยวใหม่และบ้านแนวคิดใหม่ ภายใต้แบรนด์ “แลนซีโอ คริป” เพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2 ล้านกว่าบาท-6 ล้านบาท ล่าสุด ได้เปิดตัวแบรนด์ดังกล่าว จำนวน 3 โครงการ ขนาด 35-60 ตารางวา ราคา 3-6 ล้านบาท คือ 1. โครงการแลนซีโอ คริป ปิ่นเกล้า-วงแหวน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 73 ไร่ รวม 404 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท 2. โครงการ แลนซีโอ คริป ฉะเชิงเทรา-โสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 53 ไร่ รวม 333 ยูนิต มูลค่าโครงการ 940 ล้านบาท และ 3. โครงการแลนซีโอ คริป นครราชสีมา-หมื่นไวย จังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 58 ไร่ รวม 343 ยูนิต มูลค่าโครงการ 960 ล้านบาท

“บริษัทยังคงรุกตลาดแนวราบเป็นหลักและบุกต่างจังหวัดมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายใน 3-5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสัดส่วนต่างจังหวัดจาก 20-30% เป็น 30-40% เนื่องจากเห็นว่า ตลาดคอนโดมิเนียมใน กทม.นั้น หลายพื้นที่เริ่มมีสินค้ามากเกินความต้องการซื้อ (โอเวอร์ซัปพลาย) จากทั้งราคาที่ดิน ค่าก่อสร้างที่สูงขึ้นมาก เป็นแรงกดดันให้ตลาด กทม.เติบโตช้าลง เราจึงจะขยายธุรกิจออกต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะแนวราบ เพราะมองว่าคอนโดฯ ยังไม่จำเป็นสำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดมากนัก และสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังมาจากแนวราบ 80% เป็นคอนโดฯ 20% เท่านั้น”

สำหรับยอดขายในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้ว 2,500 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีนี้จะได้ 3,200 ล้านบาทตามเป้าหมายแน่นอน และปัจจุบันมีงานในมือ (แบ็กล็อค) 900 ล้านบาท ทยอยรับรู้ไปจนถึงต้นปีหน้า ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้าที่ 2,300 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น