“กลุ่มบุญรอดฯ” ลอกคราบรสาทิ้ง รีแบรนด์ใหม่เป็น สิงห์ เอสเตท เทรดวันแรกฉลุย (ชมคลิป)

แรงซื้อ S ทะลักเปิดเทรดวันแรก 7.00 บาท จากราคาปิดก่อนหน้าที่ 6.85 บาท หรือปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 3.65% เตรียมขยายฐานมาร์เก็ตแชร์ตลาดอสังหาฯ กลางและล่างไม่ต่ำกว่า 35% พร้อมรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน



นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริษัท บมจ. สิงห์ เอสเตท หรือ S กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายในการประกอบธุรกิจที่มุ่งเน้นการลงทุน พัฒนา และบริหารอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและเพื่อลงทุน ทั้งประเภทที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในประเทศและในภูมิภาค AEC  โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ กลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ และนายสันติ ภิรมย์ภักดี ทั้งสองกลุ่มได้เข้าถือหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 4,162,352,331 หุ้น ของ RASA พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการและทีมผู้บริหาร ที่มีความสามารถและประสบการณ์ในด้านอสังหาริมทรัพย์ อาทิ นายนริศ เชยกลิ่น  ประธานเจ้าหน้าบริหาร (CEO) อดีต CFO จาก บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) นายล่องลม บุนนาค ประธานเจ้าหน้าบริหารการลงทุน อดีต Chairman จาก Jones Lang Lasalle เป็นต้น

“เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้สรรหาบุคลากรที่มีความสามารถและประสบการณ์ในด้านอสังหาริมทรัพย์ อาทิ คุณนริศ เชยกลิ่น  ประธานเจ้าหน้าบริหาร (CEO) อดีต CFO จาก บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา คุณล่องลม บุนนาค ประธานเจ้าหน้าบริหารการลงทุน อดีต Chairman จาก Jones Lang Lasalle เป็นต้น”

ขณะที่นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ บมจ.สิงห์ เอสเตท ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งทางทีมบริหารเชื่อมั่นว่า ด้วยชื่อเสียงอันยาวนานของบุญรอดฯ การบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล และประสบการณ์ที่ผู้บริหารแต่ละท่านสั่งสมมาจะทำให้บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)  เป็นอีกทางเลือกที่แตกต่าง ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพให้กับลูกค้า และสร้างมูลค่าในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น  โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีที่ดินทั้งหมดจำนวน 3 แปลง ได้แก่ ที่ดินที่อโศก 11 ไร่ ที่ดินสิงห์เฮาส์ อโศก 2 ไร่ และที่ดินเรียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา 30 ไร่ โดยแต่ละที่ ทางบริษัทจะนำไปพัฒนาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป โดยปัจจุบัน S มีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งหมดราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีโครงการที่เหลือขายจาก RASA จำนวน 100 ยูนิต แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 20 ยูนิต และโครงการแนวราบ 80 ยูนิต ทั้งนี้บริษัทจะมีการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในทุกรูปแบบ อย่างเช่น ที่พักอาศัย โรงแรม ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน

“บริษัทยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนระยะสั้น 1 ปี และระยะกลาง-ยาว 3 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีการจัดทำแผนแล้วเสร็จภายเดือนตุลาคมนี้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ที่อโศก คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 58 โดยมูลค่าที่ดินของโครงการนี้ราว 3.3 พันล้านบาท”

ทางด้านนายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นบริษัทฯ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้กลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ถือในสัดส่วน 90% ถือว่า ยังสูงกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด ทำให้ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายย่อยสามารถถือหุ้นบริษัท ได้ในสัดส่วนเพียง 10% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่ 15% ทำให้บริษัทมีแนวคิดในการหาพันธมิตรเพื่อเข้ามาถือหุ้นบริษัทฯ เพื่อทำให้สัดส่วนเป็นตามเกณฑ์ โดยขณะนี้ได้มีการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อเข้ามาถือหุ้นบริษัท ซึ่งจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับนโยบายในการหาผู้ถือหุ้นภายในเดือนตุลาคมปีนี้