“วายแอลจี” มองเฟดยังแสดงท่าทีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่แน่ชัดกดดันราคาทองคำปรับตัวลง จับตาราคาใกล้ถึงจุดต่ำสุด หรือจุดทดสอบสำคัญ หากไม่หลุดคาดได้เห็นการรีบาวนด์ระยะสั้นที่เปิดโอกาสเข้าทำกำไรได้ ยกการเปิดตลาดทองในจีน ช่วยสร้างดีมานด์พยุงราคา แต่มาตรการอัดฉีดยุโรปอาจฉุดให้เงินยูโรอ่อนค่า
นายวรุต รุ่งขำ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ราคาทองคำยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะออกมาส่งสัญญาณว่าจะยังไม่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ แต่การออกมาส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2015-2016 จะมีการปรับตัวสูงขึ้นนั้น เหมือนว่าเฟดจงใจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์ไว้ อีกทั้งประธานเฟด ก็ไม่มีการชี้แจงถึงแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้จึงสร้างความกังวลจนกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่
“นักลงทุนต้องดูการปรับตัวลงของราคาทองคำ หากราคาอ่อนตัวและสามารถตั้งฐานอยู่ได้ ประกอบกับการปรับตัวลงเริ่มมีแรงซื้อเข้ามสนับสนุน นักลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนช้อนซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากแรงซื้อทองคำยังไม่มากพอ การดีดตัวขึ้นรอบนี้อาจเป็นเพียงการรีบาวนด์ระยะสั้น ผู้ที่ถือครองทองคำไว้อาจมีการแบ่งนำทองคำออกมาขาย"
ทั้งนี้ วายแอลจี ประเมินแนวรับของราคาทองคำอยู่ที่ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ และแนวรับสำคัญถัดไปคือ 1,180 เหรียญ/ออนซ์ เมื่อราคามีการดีดตัวขึ้น อาจจะต้องจับตาดูในโซนแนวต้านระยะสั้น บริเวณ 1,240 เหรียญ/ออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้ อาจจะมีการแบ่งทองคำออกขาย แต่หากผ่านไปได้สามารถชะลอไปขายบริเวณ 1,250 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ
โดยปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป คือ มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของสหภาพยุโรป เพราะหากมีการอัดฉีดในปริมาณที่มากเกินไปจะส่งผลให้เงินยูโรอ่อนตัว ส่วนสหรัฐฯ ต้องติดตามตัดเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างาน และตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ที่มีทิศทางสดใส และคอยกดดันราคาทองคำ ส่วนจีน ทางการพยายามเปิดตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ จนมีข่าวนำเข้าทองคำเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับการเปิดตัว และหากตลาดได้รับความนิยมจะกลายเป็นดีมานด์ที่เข้ามาหนุนราคาทองคำไม่ให้ปรับตัวลงไปมากนัก