“วายแอลจี” คาดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปกดดันราคาทองคำ หลังกดค่าเงินยูโรร่วงหนัก แนะจับตาสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และตัวเลขเศรษฐกิจจีน หากออกมาในทิศทางบวกจะช่วยสนับสนุนราคา โดยรวมระยะสั้นยังไม่ใช่ช่วงเข้าทยอยสะสม เหตุทิศทางยังเป็นลบ แต่หากเห็นการปรับตัวขึ้น ควรมองการแบ่งทองคำออกขายทำกำไร
นายวรุต รุ่งขำ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส มองทิศทางภาพรวมราคาทองคำในช่วงนี้ ว่า ราคาทองคำยังถูกกดดันจากคำพูดของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่เชื่อว่ายุโรปยังจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจำเป็นปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากเดิมที่ระดับ 1.5% หรือ 0.5% และประกาศนโยบายอัดฉีดเงินเข้าระบบ ซึ่งทำให้นักลงทุนเกิดความประหลาดใจ และเทขายเงินยูโรออกมาจนร่วงลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงตาม ราคทองคำยังปรับตัวขึ้นมาได้บ้างหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยที่ในรอบ 8 เดือน ถือเป็นการผิดคาด หรือต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลว่าสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย”
สิ่งที่นักลงทุนยังต้องใส่ใจในประเด็นต่อไป คือ การหยุดยิงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่หลายฝ่ายมองกันว่า รัสเซียยังไม่มีความจริงใจ และหากสถานการณ์กลับมามีความรุนแรงมากขึ้นก็อาจทำให้กลายเป็นปัจจัยที่ผลักดันราคาทองคำ จากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยขยับตัวเพิ่ม ขณะเดียวกัน ตลาดทองคำ และตลาดหุ้นในภูมิภาคสัปดาห์นี้หลายแห่งจะปิดทำการจากเทศกาลไหว้พระจันทร์
“นักลงทุนต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของจีน หากมีการปรับตัวดีขึ้นจะช่วยผลักดันราคาทองคำปรับตัวขึ้น จากที่ผ่านมา นักลงทุนกังวลต่อตัวเลขเศรษบกิจจีนในหลายๆ ด้าน ภาพรวมราคาทองคำยังเป็นลบ การเข้าซื้อสะสมยังต้องชะลอออกไปก่อน มีแนวรับ1,250-1,230 ออนซ์/เหรียญ หรือ 19,000-18,800 บาท และหากราคาดีดตัวขึ้น อาจมีการแบ่งทองคำออกขายทำกำไร 1,280-1,300 เหรียญ/ออนซ์ หรือ 19,500-19,700 บาท”
