ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิคยังสนับสนุนราคาทองคำปรับตัวเพิ่ม หลังเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจโลกส่อชะลอตัว กดดันเฟดไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ “วายแอลจี” แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวเพื่อเก็งกำไรในยามที่ราคารีบาวนด์
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่างถึงแนวโน้มราคาทองคำว่า เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ราคาทองคำค่อนข้างสดใส โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค โดยมีการทำระดับสูงสุดครั้งใหม่จากแรงซื้อที่ไหลเข้ามาสู่ทองคำอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ดูเหมือนเบาบางลง เมื่อรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ช่วงวันที่ 16-17 กันยายนที่ผ่านมา บ่งชี้ค่อนข้างชัดเจนว่ายังคงระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังคงชะลอดูทิศทางเศรษฐกืจโลก และเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
“เศรษฐกิจของจีนกลายเป็นปัจจัยที่ FOMC จับตาซึ่งหากยังชะลอตัวลง หรือยังไม่ดีขึ้นก็จะมีผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และส่งผลดีต่อทิศทางราคาทองคำ”
โดยปัจจัยที่ต้องจับตาเพิ่มขึ้นคือ สถานการณ์ในซีเรีย ซึ่งสหรัฐฯ ไม่พอใจรัสเซียต่อการส่งกองกำลังเข้าไปจัดการกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการกระทบกระทั่งกันของ 2 ประเทศมหาอำนาจ และจะส่งผลต่อทิศทางราคาน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้น จึงเป็นปัจจัยต่อทองคำในเชิงบวกในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนยังเป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตา เพราะจะมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวซึ่งคาดว่าจะไม่สดใสมากนัก โดยหากตัวเลขยังคงชะลอตัวเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ยากขึ้น อีกทั้งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ด้วย
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากราคาทองคำยังสดใส ดังนั้น อยากแนะนำให้รอการอ่อนตัวลงมาของราคาทองคำแล้วค่อยเข้าซื้อเพื่อหวังเก็งกำไรจากการดีดตัว ดังนั้น เมื่อราคามีการรีบาวนด์ขึ้นต้องแบ่งทองคำออกมาขายด้วย
นอกจากนี้ จากการแข็งค่าของค่าเงินบาทในช่วงนี้อาจทำให้ราคทองคำในประเทศไม่สามารถปรับตัวบวกเพิ่่มตามราคาทองคำโลกได้มากนัก ดังนั้น ระยะสั้นมีแนวรับที่ 1,130 เหรียญ/ออนซ์ หากราคาไม่หลุดกรอบดังกล่าวนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าลงทุนในแนวรับดังกล่าวเพื่อรอการรีบาวนด์กลับขึ้นไปได้ โดยมีแนวต้านที่ 1,167-1,180 เหรียญ/ออนซ์ เพื่อเป็นจุดปิดสถานะทำกำไร
อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุด 1,130 เหรียญ/ออนซ์ลงมา แนวโน้มของราคทองคำที่เป็นบวกจะหยุดลง โดยราคามีโอกาสปรับฐานย่อตัวลงต่อ โดยมีแนวรับ 1,100 เหรียญ/ออนซ์