ธปท. เผยจากนี้เป็นต้นไป คงต้องจับตานโยบายภาครัฐ จะเดินหน้าได้ตามแผนหรือไม่ ซึ่งถือเป็นกลไกหลักสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เชื่อทิศทางน่าจะเป็นเชิงบวก ส่วนค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าในช่วงนี้ ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ กลับมาแข็งแกร่งมากขึ้น ย้ำเงินบาทผันผวนน้อยกว่าปีก่อน
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น จากนี้ไปคงต้องติดตามว่า รัฐบาลจะสามารถเดินหน้าตามแผนได้ตามนโยบายที่วางไว้หรือไม่ และการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ เนื่องจากมองว่า หากสามารถเดินหน้าได้ตามแผนถือเป็นเชิงบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้
อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่า ปัจจุบัน นโยบายทางการเงินคงไม่ใช่ตัวหลักที่จะเป็นตัวเดินหน้าสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ในปีนี้ คงต้องดูที่การลงทุนภาครัฐมากกว่าว่า จะเป็นไปในทิศทางใด เนื่องจากหากมีการเดินหน้าการลงทุนภาครัฐจะเป็นตัวช่วยให้ภาคเอกชนเดินหน้าการลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ สิ่งที่เราต้องติดตามคือความชัดเจนของนโยบาย แต่มองว่าทิศทางคงเป็นไปในเชิงบวก เพราะเราคงพุ่งเป้าว่า จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ในปีหน้ามากกว่า ส่วนค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าในช่วงนี้ ยืนยันว่ายังเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ กลับมาแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาดี
“แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก็ตาม ส่งผลให้ช่วงนี้ตลาดอยู่ระหว่างการดำเนินนโยบายทางการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์หรือไม่"
โฆษก ธปท. ยังระบุเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทในปัจจุบันนั้น ค่าเงินมีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่การที่ค่าเงินบาทผันผวนน้อย ก็ย่อมมีความเสี่ยง เนื่องจากส่งผลให้ภาคเอกชน และธนาคารพาณิชย์กล้าที่จะเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น เพราะเชื่อว่าหากเกิดสถานการณ์ไม่แน่นอน หรือวิกฤต ทางการจะเข้ามาช่วยได้อย่างแน่นอน ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงว่าหากสถาบันการเงินและภาคเอกชนเปิดรับความเสี่ยงมาก ซึ่งหากเกิดวิกฤต จะดูแล และรองรับกับสถานการณ์ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม เราก็มีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว ไม่ได้มีประเด็นอะไรใหม่ และต้องเตรียมมาตรการอะไรเป็นพิเศษ ตอนนี้เราคงไม่กล้าคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นเร็วหรือช้า อยากให้รอการตีความภาพรวมในช่วงสัปดาห์หน้าของเฟดว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร
“แต่สำหรับเรายืนยันว่า เรามีมาตรการดูแลอย่างเหมาะสม โดยไม่มีการกำหนดว่าระดับค่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับใด ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากจนกระทบต่อการเตรียมแผนของภาคเศรษฐกิจ และเราคงไม่เข้าไปกำหนดแนวโน้มว่าค่าเงินบาทควรจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด”
ทั้งนี้ หากมีการปรับขึ้นราคา LPG และ NGV ตามที่กำหนด คาดว่า จะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน 0.01% แต่ทั้งนี้ คงต้องจับตาดูสิ่งที่จะตามมาด้วย คือ การอุดหนุนราคาพลังงานที่ยังคงเหลืออยู่ ส่งผลให้ ธปท. ประเมินว่า หากมีการปรับขึ้นคงไม่ได้กระทบมากนัก แต่หากมีการปรับขึ้นไปสู่ระดับราคาจริง หรือราคาในตลาดโลกนั้น คงต้องคอยติดตามว่า จะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อหรือไม่
โดยในส่วนของ LPG หรือ ก๊าซหุงตั้มที่มีการทยอยปรับขึ้นไปแล้วนั้น ส่วนใหญ่เป็นการกระทบส่งต่อไปยังอาหารปรุงสำเร็จ แต่ในส่วนการขึ้นพร้อมกันทั้ง LPG และ NGV พร้อมกันแบบทันทีเลยนั้น อาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานให้ขยับขึ้นบ้าง 0.01% ซึ่งไม่คิดว่าเป็นระดับที่มาก