ธนชาตเร่งเครื่องรุกสินเชื่อบุคคล อัดแคมเปญ “ธนชาตแฟลช ช่วยได้ทุกฝัน แจกกันเป็นล้าน” หวังกระตุ้นยอด มั่นใจตลาดยังโตได้อีกมาก เหตุฐานยังต่ำ
นางธีรนารถ พ่วงมหา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสินเชื่อบุคคล ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)(TBANK) เปิดเผยว่า ในช่วงที่่ผ่านมา ธนาคารได้จัดแคมเปญรุกตลาดสินเชื่อบัตรเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น แม้ว่าในช่วงต้นปีสินเชื่อธนาคารโดยรวมทั้งระบบจะได้รับผลกระทบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จากปกติที่สินเชื่อบุคคลโดยรวมจะเติบโตประมาณ 18-19% แต่ช่วงที่ผ่านมาของปีเติบโตได้เพียง 9% และคาดว่าจะทรงตัวในระดับนี้จนถึงปลายปี ขณะที่สินเชื่อบุคคลของธนาคารเติบโตในอัตราที่สูงกว่าระบบเล็กน้อย
“สินเชื่อบุคคลปีนี้แม้ว่าจะชะลอตัว แต่ก็ยังเห็นว่ามีความต้องการอยู่ โดยขณะนี้ทั้งฝ่ายธนาคารและฝ่ายลูกค้าเองก็ยังมีความระมัดระวังในการปล่อยกู้หรือกู้ยืม แม้ปัญหาด้านการเมืองจะคลี่คลายไปแล้ว แต่ภาระหนี้ครัวเรือนก็ยังสูงอยู่ ซึ่งการที่ธนาคารหันมารุกในส่วนของบัตรเงินสดและสินเชื่อบุคคลนี้ ก็เพราะเห็นว่าตลาดยังขยายได้อีกกว้าง พอร์ตธนาคารยังมีน้อย และยังเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากด้วย”
จัดแคมเปญรุกต่อเนื่อง
โดยในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารได้ออกภาพยนตร์โฆษณาสินเชื่อธนชาต FLASH ที่นำ “บัวขาว บัญชาเมฆ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีผู้ชมผ่านยูทูปและมีผู้คลิกเข้าไปชมมากกว่า 1 ล้านครั้ง ดังนั้น จึงเดินหน้าออกแคมเปญยิ่งใหญ่ “ธนชาตแฟลช ช่วยได้ทุกฝัน แจกกันเป็นล้าน” ต่อเนื่อง โดยมอบเงินรางวัลให้ลูกค้ารวมมูลค่า 1 ล้านนบาท เพียงลูกค้าเขียนบรรยายความฝันที่อยากลงมือแนบพร้อมใบสมัครสินเชื่อบุคคลธนชาต FLASH ส่งผ่านธนาคารทุกสาขา และลูกค้าที่มีความฝันโดนใจและได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการจำนวน 10 คน จะได้รับเงินรางวัลไปสานฝันของตนเอง รางวัลละ 1 แสนบาท รวมมูลค่า 1 ล้านบาท
นางธีรนารถกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ออกแคมเปญมา เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น มียอดอนุมัติสินเชื่อเพิ่มขึ้นเท่าตัวได้ ถือว่าประสบความสำเร็จ จากเดิมคนจะรู้จักธนชาตจากสินเชื่อเช่าซื้อรถเป็นหลัก ก็จะได้รู้ว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 50% จะมีรายได้ประมาณ 3-5 หมื่นบาทต่อเดือน
ส่วนกรณีที่เครดิตบูโรคืนความสุขลูกหนี้เอ็นพีแอล ประกาศลบประวัติลูกหนี้เอ็นพีแอลที่ค้างชำระหลังแสดงข้อมูลเป็นหนี้เสียในเครดิตบูโรครบ 8 ปีนั้น ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะมีคนอีกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้น ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ระยะเวลา 8 ปี และระยะเวลาชำระหนี้คืนแล้วกว่า 3 ปี ก็น่าจะพอรับได้ เพราะธนาคารเองก็มีระบบบริหารความเสี่ยงของตนเองอยู่แล้วระดับหนึ่ง
นางธีรนารถ พ่วงมหา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสินเชื่อบุคคล ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)(TBANK) เปิดเผยว่า ในช่วงที่่ผ่านมา ธนาคารได้จัดแคมเปญรุกตลาดสินเชื่อบัตรเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น แม้ว่าในช่วงต้นปีสินเชื่อธนาคารโดยรวมทั้งระบบจะได้รับผลกระทบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จากปกติที่สินเชื่อบุคคลโดยรวมจะเติบโตประมาณ 18-19% แต่ช่วงที่ผ่านมาของปีเติบโตได้เพียง 9% และคาดว่าจะทรงตัวในระดับนี้จนถึงปลายปี ขณะที่สินเชื่อบุคคลของธนาคารเติบโตในอัตราที่สูงกว่าระบบเล็กน้อย
“สินเชื่อบุคคลปีนี้แม้ว่าจะชะลอตัว แต่ก็ยังเห็นว่ามีความต้องการอยู่ โดยขณะนี้ทั้งฝ่ายธนาคารและฝ่ายลูกค้าเองก็ยังมีความระมัดระวังในการปล่อยกู้หรือกู้ยืม แม้ปัญหาด้านการเมืองจะคลี่คลายไปแล้ว แต่ภาระหนี้ครัวเรือนก็ยังสูงอยู่ ซึ่งการที่ธนาคารหันมารุกในส่วนของบัตรเงินสดและสินเชื่อบุคคลนี้ ก็เพราะเห็นว่าตลาดยังขยายได้อีกกว้าง พอร์ตธนาคารยังมีน้อย และยังเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากด้วย”
จัดแคมเปญรุกต่อเนื่อง
โดยในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารได้ออกภาพยนตร์โฆษณาสินเชื่อธนชาต FLASH ที่นำ “บัวขาว บัญชาเมฆ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีผู้ชมผ่านยูทูปและมีผู้คลิกเข้าไปชมมากกว่า 1 ล้านครั้ง ดังนั้น จึงเดินหน้าออกแคมเปญยิ่งใหญ่ “ธนชาตแฟลช ช่วยได้ทุกฝัน แจกกันเป็นล้าน” ต่อเนื่อง โดยมอบเงินรางวัลให้ลูกค้ารวมมูลค่า 1 ล้านนบาท เพียงลูกค้าเขียนบรรยายความฝันที่อยากลงมือแนบพร้อมใบสมัครสินเชื่อบุคคลธนชาต FLASH ส่งผ่านธนาคารทุกสาขา และลูกค้าที่มีความฝันโดนใจและได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการจำนวน 10 คน จะได้รับเงินรางวัลไปสานฝันของตนเอง รางวัลละ 1 แสนบาท รวมมูลค่า 1 ล้านบาท
นางธีรนารถกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ออกแคมเปญมา เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น มียอดอนุมัติสินเชื่อเพิ่มขึ้นเท่าตัวได้ ถือว่าประสบความสำเร็จ จากเดิมคนจะรู้จักธนชาตจากสินเชื่อเช่าซื้อรถเป็นหลัก ก็จะได้รู้ว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 50% จะมีรายได้ประมาณ 3-5 หมื่นบาทต่อเดือน
ส่วนกรณีที่เครดิตบูโรคืนความสุขลูกหนี้เอ็นพีแอล ประกาศลบประวัติลูกหนี้เอ็นพีแอลที่ค้างชำระหลังแสดงข้อมูลเป็นหนี้เสียในเครดิตบูโรครบ 8 ปีนั้น ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะมีคนอีกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้น ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ระยะเวลา 8 ปี และระยะเวลาชำระหนี้คืนแล้วกว่า 3 ปี ก็น่าจะพอรับได้ เพราะธนาคารเองก็มีระบบบริหารความเสี่ยงของตนเองอยู่แล้วระดับหนึ่ง