โบรกฯ คาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากกระแสเงินไหลเข้า

เมื่อเวลา 10.16 น. ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,588.54 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด เปลี่ยนแปลง +0.27% มูลค่าการซื้อขาย 7,258.15 ล้านบาท

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ระบุปัจจัยบวกที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ สภาพคล่องภายในประเทศที่จะเอ่อล้นออกมา จากการครบกำหนดอายุของพันธบัตรออมทรัพย์ 10,000 ล้านบาท ประกอบกับแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ SET Index สามารถปรับตัวขึ้นไปต่อแถวบริเวณ 1,590-1,600 จุดได้ นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคารฯ พลังงาน สื่อสาร

“ดูแล้วแรงขายของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศน่าจะเริ่มเบาบางลง หลังกองทุน Trigger fund เริ่มมีการทยอยปิดกองไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าต่างชาติจะยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การที่ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก ต้องทำใจไว้เลยว่า แรงซื้อจะไม่สามารถเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อเข้าใกล้แนวต้านสำคัญอาจมีแรงขายออกมา”

นายณัฐชาต กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการเข้าซื้อตราสาร ABS และ Covered bond ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไปว่า จะส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรต่อไป และเป็นแรงดึงดูดให้มีการโยกเงินเข้ามาทำ EUR carry trade มากขึ้น พร้อมแนะนำถือลุ้นหุ้นขนาดใหญ่เพื่อรับอานิสงส์ของ Fund flow ต่อ รวมทั้งหุ้น 10 บริษัทในบทวิเคราะห์ Big Picture ซึ่งได้แก่ TTA, PSL, RCL, TMB, LHBANK, CKP, IFEC, AKR, BMCL, BLAND โดยดัชนีมีแนวต้าน 1,590 จุด แนวรับ 1,578-1,579 จุด

ด้านนักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.00/02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากช่วงปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ ที่ระดับ 32.07/08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค หลังดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าเนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Non Farm Payroll) ของสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดี และเมื่อเวลา 09.10 น. เงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 31.98 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดนประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้จะอยู่ระหว่าง 31.90-32.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ