ปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 29 สิงหาคม 2557 ไปที่ 1,561.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.58 จุด เปลี่ยนแปลง +0.17% มูลค่าการซื้อขาย 48,744.18 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,565.14 จุด และต่ำสุดที่ 1,553.83 จุด โดยสถาบันในประเทศขายสุทธิ 500.52 ล้านบาท ษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 509.87 จุด และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 28.79 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,039.17 ล้านบาท
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมตลาดยังคงแกว่งตัว แม้จะมีการปรับลดลงไปบ้าง แต่ภาพรวมยังคงอยู่ในแดนบวก โดยดัชนี SET INDEX เคลื่อนใหวอยู่ในกรอบที่ 1,550-1,570 จุด ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนที่มีต่อตลาดมากนัก ซึ่งหากพิจารณาแล้วตลาดหุ้นไทยยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนช่วงต้นเดือนกันยายน นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี เป็นการลดความเสี่ยง เพราะแม้ว่าบรรยากาศการลงทุนจะยังแกว่งตัวอยู่ในแดนบวก ด้วยอานิสงส์การฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับขึ้นมาจากการจัดงาน Thailand Focus ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคายังไม่ปรับขึ้นมากก็ตาม
เนื่องจากยังคงมีความกังวลจากต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในภูมิภาค และตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ซึ่งตลาดทุนทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่ในส่วนอเมริกา นักลงทุนอาจจะต้องจับตาตลาดพันธบัตร และการกำหนดขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยจะสะท้อนออกมาในการปรับเลิกมาตรการ QE ตามกำหนด หรือเร็วกว่าเวลาเดิมที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน ทางธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB (European Central Bank) จะมีการประชุมกันเพื่อกำหนดนโยบายการเงิน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าหากมติที่ประชุมจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลดีให้ตลาดมีความผ่อนคลายมากขึ้น
นายณัฐชาต กล่าวถึงกรอบการลงทุนในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 1,555-1,580 จุด ทั้งนี้ แนวโน้มการลงทุนในอาทิตย์หน้าหุ้นกลุ่มที่น่าจะได้รับอานิสงส์ ได้แก่ หุ้นกลุ่มเดินเรือ เนื่องจากมาตรการ QE สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้ธุรกิจเดินเรือเริ่มกลับมาดีขึ้น ขณะเดียวกัน มาร์จิ้นค่าระวางเรือส่งผลดีต่อธุรกิจเดินเรืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากความต้องการใช้พลังงานจำนวนมากที่มีอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ GUNKUL, SOLAR และหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น เพราะฉะนั้นภาพรวมหุ้นกลุ่มธนาคารจะเติบโตขนานไปกับทิศทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น