กคช.เตรียมเสนอ ครม. สร้างบ้านผู้มีรายได้น้อย 7 โครงการ บริเวณดีโป้รถไฟฟ้า 4 สาย ช่วงปลายปี พร้อมผุดโครงการที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 57-60 รวม 96 โครงการ 4.97 หมื่นหน่วย เงินลงทุน 3.4 หมื่นล้าน ใช้มาตรการขายก่อนลงทุนป้องกันสินค้าเหลือขาย ตั้งเป้ากำไรเกิน 600 ล้านบาท รายได้กว่า 1.3 หมื่นล้าน เผยเลิกใช้ชื่อ “บ้านเอื้ออาทร”
นายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า การเคหะฯ เตรียมเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศค.) พิจารณาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยใกล้กับแนวรถไฟฟ้า โดยจะใช้บริเวณจุดจอดรถไฟฟ้า (ดีโป้) เพื่อก่อสร้างเป็นอาคารชุด คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลชุดใหม่ในช่วงปลายปีนี้
สำหรับแผนแม่บทที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่จะก่อสร้างเป็นอาคารชุดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในหลายด้าน เช่น ความต้องการที่อยู่อาศัยว่าจะต้องก่อสร้างกี่ยูนิต ราคาเริ่มต้นเท่าใด เนื่องจากเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยราคาจึงต้องมีการคำนวณให้ชัดเจน เพราะมีการใช้ที่ดินของการรถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) เรื่องการแบ่งผลตอบแทน รวมไปถึงทุกโครงการจะต้องมีการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ด้วย เช่น คอมมูนิตีมอลล์ขนาดเล็กภายในโครงการ
ในเบื้องต้นจะก่อสร้าง 4 ทำเล คือ จุดจอดรถไฟฟ้า 1.สายสีม่วงบริเวณคลองบางไผ่ 2.สีเขียว บริเวณบางปิ้ง สีชมพู และสีส้ม ซึ่งเป็นจุดจอดเดียวกันบริเวณมีนบุรี จำนวน 7 โครงการ แบ่งเป็นโครงการอยู่บนที่ดินของการรถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) 3 โครงการ และของการเคหะแห่งชาติ 4 โครงการ ซึ่งเป็นรูปแบบการเช่าระยะเวลา 30 ปี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เห็นชอบในหลักการกรอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557-2560 รวม 96 โครงการ จำนวน 49,700 หน่วย ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค วงเงินลงทุนรวม 34,100 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะเปลี่ยนชื่อใหม่ไม่ใช้ชื่อโครงการบ้านเอื้ออาทรอีกต่อไป ซึ่งจะมีการตั้งชื่อโครงการตามทำเล สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 จะเริ่มก่อสร้าง จำนวน 38 โครงการ รวมกว่า 16,000 หน่วย เงินลงทุนกว่า 9,500 ล้านบาท
ส่วนการทำการตลาดนั้นจะใช้วิธีขายก่อนก่อสร้างโครงการ โดยจะสำรวจความต้องการแท้จริงของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะต้องมียอดขายไม่ต่ำกว่า 50% จึงจะดำเนินการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอาคารคงเหลือ โดยกำหนดระยะเวลาการขายออกเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงแรกจะเปิดการขาย 16 โครงการ รวม 6,103 หน่วย ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.-6 ต.ค. 2557 ช่วงที่ 2 จะเปิดขาย 17 โครงการ รวม 6,515 หน่วยตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.-2 พ.ย.2557 และช่วงที่ 3 จะเปิดขาย 5 โครงการ รวม 3,528 หน่วย ตั้งแต่ 21 พ.ย.-30 พ.ย.2557
“โครงการที่อยู่อาศัยล็อตใหม่นี้จะมีการปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 10% จากเดิมที่ราคาค่าก่อสร้างนั้นอยู่ที่ 5.9 แสนบาท เป็นบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตร.ม. บนเนื้อที่ 20 ตร.ว. และอาคารชุดขนาด 33 ตร.ม. ซึ่งขณะนี้ทาง กคช.มีการเตรียมความพร้อมในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการก่อสร้างจากแรงงานขาดแคลน” นายกฤษดา กล่าว
ส่วนปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อของผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมา มีประมาณ 20% นั้น กคช.ได้แก้ปัญหาโดยการนำรูปแบบเช่าเพื่อซื้อมาใช้ คือ ให้มีการเช่าไปก่อนที่จะซื้อเป็นเจ้าของในภายหลัง โดยได้เริ่มดำเนินการแล้วในโครงการที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย แต่ทั้งนี้ กคช.จะไม่สนับสนุนรูปแบบดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยผ่อนซื้อบ้านตั้งแต่แรก โดยปีที่ผ่านมา กคช. มีกำไร 600 ล้านบาท มีรายได้ 12,000 -13,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้กำไร และรายได้จะไม่ต่ำกว่าปีก่อน