โบรกฯ แนะจับตาปัจจัยใน-นอกประเทศ ทั้งการขึ้นอัตรา ดบ. และผลเจรจายุติความขัดแย้งในยูเครน 26 ส.ค.นี้ เผยตลาดฯ มีแรงคาดหวังต่อ ครม.ชุดใหม่ ในการผลักดันนโยบายด้าน ศก.ของประเทศ ทั้งการกระตุ้นการบริโภค ตลอดจนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน หากมีประสิทธิภาพจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง แนะจับตาตัวเลข ศก.ไทยของหลายหน่วยงาน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ ในแดนบวกตลอดทั้งวัน ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังดาวโจนส์ และตลาดในยุโรปต่างปรับตัวขึ้น ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาดการณ์ โดยนักลงทุนยังคงจับตาดูถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ และประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) คืนนี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศหลังจากที่ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภาคเอกชน และต่างประเทศก็มีการขานรับข่าวในเชิงบวก ซึ่งเชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้าก็จะมีการเก็งโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเรื่องของนโยบายการบริหารประเทศ โดยเป็นไปตามกรอบเวลาที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้ไว้ ว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่ภายในเดือน ก.ย.นี้
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายอภิชาติ กล่าวว่า ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของไทย ทั้งตัวเลขการค้าของกระทรวงพาณิชย์ ตัวเลขดัชนี MPI ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้จัดงาน Thailand Focus 2014 วันที่ 27-29 ส.ค.นี้ มองว่าน่าจะทำให้ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้น พร้อมให้แนวรับที่ 1,545-1,555 จุด และแนวต้าน 1,570-1,580 จุด
ด้านนายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนในแดนบวก ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่ตอบรับตัวเลขภาคการผลิต และตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ ออกมาดี
นอกจากนี้ ยังรวมถึงแรงคาดหวังต่อผลการประชุมธนาคารกลางโลก ต่อปาฐกถาของนางเจเน็ต เยเลน ที่บอกว่า จะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ อีกทั้งจับตาผลการเจรจาเพื่อยุติปัญหาความรุนแรงระหว่างรัส-ยูเครน ในวันที่ 26 ส.ค. นี้
นอกจากนี้ การได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีทางการเมือง ต่อการมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในช่วงปลายเดือนนี้ หรือต้นเดือนหน้า ถึงแรงคาดหวังต่อการผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ กระตุ้นการบริโภค ตลอดจนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
ส่วนสัปดาห์หน้าคาดว่าหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนกรอบแคบ เพื่อรอดูความชัดเจนของการทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ หลังจบการประชุมที่เมืองแจ็กสันโฮล รวมถึงผลการเจรจายุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย จะออกมารูปแบบใด หากทั้งสองประเด็นออกมาดี จะส่งผลทำให้ดัชนีฯ บวกต่อ
แต่กลับกันหากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และผลการเจรจายูเครน-รัสเซียล้มเหลว ดัชนีฯ ก็อาจจะปรับตัวลงได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม มีมุมมองเชิงบวกมากกว่าทางลบ
ด้านกลยุทธ์ แนะถือหุ้นต่อหากดัชนีฯ อ่อนตัวเล็กน้อยก็อาจพิจารณาเข้าซื้อได้ โดยประเมินแนวรับ 1,555-1,552 จุด แนวต้าน 1,560 จุด