อสังหาฯ เชื่อ “ประยุทธ์” นั่งนายกฯ สานต่อนโยบาย คสช.ได้เร็วขึ้น แนะเร่งฟื้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น หนุนการบริโภคภายในประเทศทดแทนการส่งออก ระบุ โครงการ 2.4 ล้านล้านบาท เอื้อหลายทำเลโตก้าวกระโดด ศูนย์กลางเศรษฐกิจกระจายทั่วประเทศ
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า การที่ประชุมคณะกรรมาธิการสามัญประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. ลงมติเป็นเอกฉันท์ด้วย 191 เสียงสมาชิก สนช. เลือก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย แต่คงต้องรอดูผลการทำงานของรัฐบาลใหม่ว่าเป็นอย่างไร รัฐบาลควรแก้ปัญหาภาพรวมเศรษฐกิจประเทศให้เติบโต
“รัฐบาลไม่ควรเข้าไปดูแลรายธุรกิจ หากแก้ปัญหาโดยมองเป็นรายเซกเตอร์ คงจะไม่สามารถรับเรื่องได้ไหว อย่างธุรกิจอสังหาฯ ก็ผูกโยงกับเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจดี ธุรกิจอสังหาฯ ก็จะดีตาม จึงควรที่จะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเดินหน้าไปได้ นอจากนี้ ควรเร่งเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2557 ที่ค้างอยู่ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อให้เงินออกมาหนุนเวียนในระบบ” นายอธิป กล่าว
อย่างไรก็ดี สิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการเร่งด่วน คือ การสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับมาโดยเร็วที่สุด และดูแลระบบเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ โดยเน้นกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ทดแทนการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวต่ำ รวมทั้งเสถียรภาพทางการเงิน ดูแลอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินไป ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออัตราดอกเบี้ยให้อยู่ระดับต่ำต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาแรงงานระยะยาว เพราะหากเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ อาจจะเกิดปัญหาการแย่งชิงแรงงานต่างด้าวและขาดแคลนได้ ส่วนการขึ้นทะเบียนแรงงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ รัฐควรดูแลการนำเข้าแรงงานอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันจะคุ้มครองเฉพาะการนำเข้าแบบเป็นกลุ่ม แต่ไม่ดูแลการนำเข้าแรงงานแบบคนเดียวหรือจำนวนน้อย ค่าใช่จ่ายเฉลี่ยต่อหัวสูงถึง 20,000 บาท/คน การย้ายแรงงานมีข้อจำกัด ไม่ควรจำกัดการทำงานแค่เขต อำเภอ แต่ควรเป็นเขตจังหวัด เพราะเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจก่อสร้าง
โครงการ 2.4 ล้านล้านบาท เปิดพื้นที่เศรษฐกิจทั่วประเทศ
นายอิสระ บุญยัง ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เอกชนคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้นโยบายของ คสช.ที่กำลังทำมีความต่อเนื่อง และเกิดความรวดเร็วในการบริหารนโยบายต่างๆ ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีข้อเสนออะไรเป็นพิเศษกับรัฐบาลชุดใหม่ แต่เห็นว่า คสช.ควรจะดูแลภาคเศรษฐกิจโดยรวมให้ฟื้นตัว และเร่งปฏิรูปประเทศตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ เพราะ 7-8 เดือน ที่เกิดปัญหาการเมือง ทำให้ภาคเศรษฐกิจทุกภาคชะลอตัวลง ดังนั้น เมื่อมีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
“สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์แล้ว ยังไม่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือในขณะนี้ เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลช่วยฟื้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของภาคประชาชนมากกว่า เพราะเมื่อไหร่ที่ความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจฟื้น ความต้องการซื้อบ้านก็จะตามมา นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากเป็นประโยชน์ แต่ควรลดการจัดเก็บที่ซ้ำซ้อน” นายอิสระ กล่าว
สำหรับการประกาศเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท เชื่อว่า โครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งของไทยเปลี่ยนไป ซึ่งการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปยังภาคเหนือ ใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ จะทำให้เมืองเปลี่ยนไป ไม่ได้มีเพียงศูนย์กลางเดียว มีศูนย์กลางเศรษฐกิจกระจายทั่วประเทศ หลายพื้นที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และประเทศไทยในอีก 40-50 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก
รับสร้างบ้านวอนรัฐเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านนายศักดา โควิสุทธิ์ อดีตนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน และกรรมการผู้จัดการ บริษัท รอยัลเฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า วาระเร่งด่วนต้องการเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่นี้ เดินหน้าใน 2 เรื่องหลักคือ จัดระเบียบสังคม และแก้ไขพร้อม ทั้งอนุมัติกฎหมายต่างๆ ที่ออกยาก หรือที่รัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มาดำเนินการไม่ได้ โดยเฉพาะด้านโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เป็นหลัก เพื่อให้ภาคเอกชนเดินต่อไปได้ หลังจากที่หยุดชะงักมานาน
“ตั้งแต่ปลายปี 56 จนถึงหมดไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทุกอย่างหยุดงะชักไปหมด เป้าหมายการดำเนินงานต่างๆ หลุดเป้าหมด ไม่ใช่เฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นกันทุกภาคอุตสาหกรรม เพราะผู้บริโภคไม่มั่นใจต่อรายได้ในอนาคต แต่ขณะนี้ ทุกอย่างดีขึ้นมาก ถ้ารัฐบาลชุดนี้เน้นใน 2 ด้าน ดังกล่าว เชื่อว่าไทยจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนหรือคล้ายๆ กับสมัยรัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน ที่เน้นออกกฎหมายมากที่สุด แต่จากนั้นมาเศรษฐกิจของประเทศก็เติบโตมาโดยตลอด ส่วนด้านอื่นๆ ให้เอกชนดำเนินการไป ใครจะว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตยก็ช่าง แต่
เราเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่ทำให้ประเทศโตได้ดีกว่า” นายศักดา กล่าว