ตลาดทุนลุ้นได้รัฐบาลใหม่ ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ระบุช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน ดูดเม็ดเงินไหลเข้าไทย หลังจากอั้นช่วงการเมืองไม่นิ่ง โบรกฯ แนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มขนส่งทางอากาศ ท่องเที่ยว รับไฮซีซัน มั่นใจหุ้นเดือน ส.ค.ยังบวกต่อเนื่อง
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า การตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากเปิดการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเลือกประธาน สนช. และคาดว่าจะสามารถเลือกนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ปลายเดือน ส.ค.นี้ จึงมีโอกาสสูงที่รัฐบาลเฉพาะกาล จะประกาศยกเลิกการบังคับใช้กฎอัยการศึก เพื่อให้ออกจากการควบคุมดูแลโดยตรงจากทหาร
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ เป็นไปได้ว่าผู้มีอำนาจอาจยกเลิกกฎอัยการศึกเร็วที่สุดในช่วงกลางเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศกลับคืนมา เงินทุนต่างประเทศไหลเข้าลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น
โดยที่ผ่านมา เงินทุนต่างชาติเรียกได้ว่าแทบไม่ไหลเข้าประเทศไทยเลย แม้ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีเงินทุนต่างชาติเข้ามา 10,000-20,000 ล้านบาท แต่หากเทียบกับช่วงที่ต่างชาติขายในช่วงปี 2556 ประมาณ 250,000 ล้านบาท ถือว่าเงินทุนต่างชาติยังไม่กลับเข้าไทย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่มีกฎระเบียบว่าจะไม่ลงทุนในประเทศที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก
สำหรับหุ้นกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์จากการยกเลิกกฎอัยการศึกมากที่สุด คือ กลุ่มท่องเที่ยว บวกกับช่วงปลายไตรมาส 3 เป็นช่วงไฮซีซันด้านการท่องเที่ยว มองว่าหุ้นด้านขนส่ง ได้แก่ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) จะได้รับผลบวกมากที่สุด
ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงแรม ได้แก่ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ((ERW) บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) จะได้รับผลดีเช่นกัน แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทข้างต้น อาจออกมาไม่ดีผลจากการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกไม่นิ่ง แต่หลังจากนี้จะมีแรงเก็งกำไรบนความคาดหวังเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึก ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น แนะนำให้นักลงทุนซื้อเพื่อเก็งกำไร
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเดือน ส.ค. มีโอกาสปรับตัวได้ในเชิงบวกต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการเคลื่อนไหวของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นหลัก และทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมถึงการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 นอกจากนี้ ในส่วนตลาดทุน การประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ภายในวันที่ 14 ส.ค.นี้ จะส่งผลให้มีแรงซื้อเก็งกำไรได้ในระยะสั้น เป็นแรงผลักดันดัชนี
ส่วนปัจจัยลบที่ต้องจับตา ได้แก่ สถานการณ์ความรุนแรงในยูเครน และฉนวนกาซา ที่อาจกดดันบรรยากาศการลงทุนปรับตัวลดลงทั่วโลก
นายธวัชชัย เชื่อว่า ในระยะต่อไปนักลงทุนจะให้ความคาดหวังจากการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกเป็นสำคัญ เพราะหากมีการยกเลิก จะช่วยสร้างความมั่นใจในการลงทุนให้แก่นักลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าต่างชาติจะเริ่มเข้าซื้อหุ้นที่มีปันผลโดดเด่นเป็นอันดับแรก อีกทั้งจะมีกระแสเริ่มเก็งกำไรในหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น