นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส คาดเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวบวกหลัง คสช.เข้ามาบริหารประเทศ เผยในครึ่งปีหลังจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ดัน GDP ขยายตัวร้อยละ 3.5 แนะจับตาค่าเงินบาทอาจแข็งค่ากลับมาที่ 31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เพราะฟากยุโรปหวั่นสหรัฐฯขัดแย้งรัสเซีย เทขายสินทรัพย์เข้ามาลงทุนในตลาดเอเซียเพิ่มขึ้น
นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ประเทศไทย) กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ “โอกาสการลงทุนในวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้น” ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะมีการฟื้นตัวในลักษณะแบบ V Shape โดยอัตราการขยายตัวของในประเทศในครึ่งปีหลังจะไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุน จากนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีมากขึ้น และมีการปฏิบัติจริง รวมทั้งจะมีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไอที และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการบริโภค และจะมีระยะเวลาการเข้ามาลงทุนต่อเนื่องไปอีกหลายปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ GDP ปีนี้ขยายตัวได้ร้อยละ 3.5 และอาจจะมากกว่า หากรัฐบาลสามารถผลักดันนโยบายและเร่งความเชื่อมั่นของภาคเอกชนให้ลงทุนตาม
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยในปี 2558 หากมีการดำเนินนโยบายตามที่วางแผนไว้ จะทำให้ GDP ขยายตัวได้ร้อยละ 6 เพราะพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งมาก ภาคเอกชนมีการก่อหนี้ต่ำ ดังนั้น มีโอกาสที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2558 ขึ้นอีกประมาณร้อยละ 1 จากร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 3 จากที่ในปีนี้คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2 จนถึงสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในปีนี้คาดว่า จะมีทิศทางกลับมาแข็งค่าได้ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ เพราะที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการลงทุนในไทยต่ำ แต่เนื่องจากขณะนี้ นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะยุโรปกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่สหรัฐฯจะคว่ำบาตรทางการค้าของรัสเซีย และความวิตกกังวลต่อความขัดแย้งของสงครามกลางเมืองในตะวันออกกลาง จึงทำให้มีการทยอยเทขายสินทรัพย์ที่มีอยู่แล้วกลับมาลงทุนในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ตลาดบอร์น รวมไปถึงตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นอันดับต้นๆที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพราะเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน
