แรงซื้อ RICHY กระฉูดเปิดเทรดวันแรกวิ่งขึ้นทะลุ 5.40 บาท จากราคา IPO ที่ 3.30 บาท ณ เวลา 10.02 น. จากปัจจัยพื้นฐานหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง มีงานในมือร่วม 2 พันล้านบาท ตั้งเป้ารายได้เติบโตในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20%
รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. แจ้งว่าการเข้าซื้อขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปวันแรกของ บมจ.ริชี่เพลซ 2002 หรือ RICHY ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เปิดที่ระดับ 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท จากราคา IPO ที่ 3.30 บาท/หุ้น หรือ 63.64% ณ เวลา 10.02 น. มูลค่าการซื้อขายกว่า 613.21 ล้านบาท
นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ริชี่เพลซ 2002 หรือ RICHY กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือเป็นยอดขายรอโอน หรือ Backlog อยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะรับรู้ปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ในการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% จากปีที่แล้วซึ่งทำได้ 1,205.92 ล้านบาท ส่วนกำไรขั้นต้นในปีนี้ คาดว่า จะสามารถทำได้ในระดับที่ 29-30% แม้ว่าในช่วงต้นปี บริษัทจะประสบปัญหาจากยอดขายจองที่ลดลง เพราะผลกระทบจากความขัดแย้งและชุมนุมทางการเมือง ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการโอนออกไป แต่ทั้งนี้ หลังปัญหาการเมืองยุติลงและ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้น คาดว่าลูกค้าจะเริ่มกลับเข้ามา
“มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ราคาหุ้นได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยก่อนหน้านี้บริษัทฯมีเหตุขัดข้องเล็กน้อยจากข้อมูล ที่ยื่นไฟลิ่งให้กับ ก.ล.ต. ทำให้ต้องกลับไปแก้ใข ทำให้เทรดช้ากว่าที่กำหนดไว้เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่น และสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นที่เปิดตลาดฯ สูงกว่าราคา IPO ถือว่าเป็นไปตามความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯ มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีฐานะการเงินในระดับที่ดี ประกอบกับมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกปี”
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการที่ 2,000 ล้านบาท และบริษัทฯจะมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ โดยในครึ่งปีแรกได้มีการเปิดโครงการแนวราบไปแล้ว มูลค่า 650 ล้านบาท ส่วนเรื่องการปรับขึ้นราคาอสังหาฯในปีนี้ ยังไม่ได้มีการตัดสินใจ โดยจะขอรอดูภาวะตลาดฯ และปัจจัยองค์ประกอบอื่นๆก่อน แต่โดยปกติบริษัทฯมีการปรับขึ้นราคาเฉลี่ยปีละ 5-10% ซึ่งจะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของโครงการ