ระยะ 7-8 วันที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวขึ้น-ลงไม่เกิน 50 บาท โดยราคาทองคำในประเทศทรงตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 19,550-19,750 บาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาท ส่วนราคาทองคำในตลาดโลกเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,287.50-1,298.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สาเหตุที่ราคทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นในระยะนี้เกิดจากเงินบามที่อ่อนค่าลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.12-32.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
คงต้องยอมรับว่าระยะนี้ความเคลื่อนไหวราคาทองคำโลกยังคงเคลื่อนไหวตามปัจจัยของกลุ่มนักลงทุน “เฮดจ์ฟันด์” ทั้งหลายที่เริ่มทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากทองคำที่ถืออยู่ยังคงมีต้นทุนที่ต่ำกว่าราคาตลาดโลกที่ปรับขึ้นมาอยู่เป็นจำนวนมาก จึงขายออกมา และเมื่อราคาทองคำลดต่ำลงก็ช้อนซื้อกลับเข้าไปใหม่ส่วนปัจจัยลบในอิสราเอล และปาเลสไตร์นั้นเริ่มลดลงในเชิงจิตวิทยาแล้ว เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้นักลงทุนปรับความเข้าใจได้ว่าปัจจัยดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนาน
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าระยะสั้น ราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,284.75-1,296.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 19,200-19,900 บาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาท บนเหตุผลที่ว่าค่าเงินบาทต้องเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 32.10-32.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็ต้องเตือนนักลงทุนที่คิดจะลงทุนในบริษัทเทรดทอง ตามคำโฆษณาว่า ท่านสามารถแลกเป็นการซื้อ-ขายทองคำแท่งเมื่อหมดสัญญา ให้พิจารณาความมั่นคงของบริษัท หรือองค์กรที่ท่านจะเข้าลงทุนให้ดี เพราะก็มีตัวอย่างให้เห็นเป็นจำนวนมากที่เมื่อมีนักลงทุนมาเปิดพอร์ตลงทุนไประยะหนึ่งแล้ว มีการปิดบริษัทหนีไป หรือภาพที่นักลงทุนเทรด Gold online แรกๆ ก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่ระยะหนึ่งก็ขาดทุนหนักโดยไม่รู้ตัว เพราะการซื้อ-ขายสัญญาไร้ตัวตนก็ต้องทำใจด้วย เพราะหากโลภมากลาภก็จะหาย
ฉบับนี้อยากสะท้อนภาพบรรยากาศการลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX โดยเฉพาะภาพการลงทุนใน Gold Futures ที่ทางสมาคมค้าทองคำต้องการให้มีการเปิดสัญญาซื้อ-ขายเริ่มต้นที่ 100 บาทน้ำหนักทองคำ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไปฟัง กูรู คู่หนึ่งที่เสนอให้ปรับลดสัญญาซื้อขายลงมาเหลือ 50 บาท และ 10 บาทในที่สุด ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้สัญญาการซื้อขายเพิ่มขึ้น จำนวนนักลงทุนก็มีเท่าเดิม ถ้าสังเกตให้ดีสัญญาที่เพิ่มขึ้นบางระยะเป็นบริษัทผู้ประกอบธุรกิจ Gold online เป็นผู้เข้ามาซื้อขายเอง เสมือนเป็นการสร้างสัญญาหลอกให้ดูเหมือนมีความเคลื่อนไหวที่คึกคัก แต่ไม่ได้เกิดจากตัวนักลงทุนที่แท้จริง
ตลอดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีร้านค้าทอง คนไทย และชาวต่างชาติเปิดบริษัท เพื่อโฆษณาเชิญชวนให้นักลงทุนที่อยากได้ทองคำแท่ง แต่มีเงินไม่มากนักเข้าไปลงทุนในลักษณะ “ออมเงิน” กับบริษัทของตน ซึ่งที่จริงแล้วเป็นเพียงความต้องการที่จะได้เงินสดไปหมุน และทำให้มีทองคำไปฝากไว้กับบริษัทตนเองเท่านั้น จุดนี้อยากเตือนนักลงทุนให้พิจารณาให้ดีเพราะหากต้องการออมเงินก็ควรออมกับธนาคาร หรือหากต้องการฝากทองก็ไปที่เซฟธนาคารพาณิชย์เพราะท่านจะสามารถเบิกทอง และเงินของท่านออกมาได้ทุกเวลาที่ท่านต้องการ แต่หากท่านหลงไปฝากทอง หรือออมเงินกับบริษัทเหล่านี้ กว่าท่านจะได้ทรัพย์ของท่านกลับคืน ท่านอาจต้องเสียดอกเบี้ย หรือ “ค่ารับฝาก” ให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้โดยไม่จำเป็น เบื้องต้นมีผู้เสียหายแล้วกว่า 200 ราย ความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ตรงจุดนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ TFEX และ ก.ล.ต.ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบให้ชัดเจน
จึงอยากให้บรรดานักลงทุน Gold online พยายามศึกษา และตั้งข้อสังเกตตัวเลขราคาทองที่ปรากฏหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอโทรศัพท์มือถือของท่านเป็นราคาทองคำในตลาดโลกที่แท้จริง ไม่ใช่ราคาที่เจ้าของบริษัทบวก หรือลบราคาทองเข้าไปแล้ว ต้องเตือนด้วยว่าแม้แต่อัตราแลกเปลี่ยนผู้ประกอบการกลุ่นนี้ก็สามารถบิดเบือนได้ โดย line คอมพิวเตอร์ หรือ โทรศัพท์มือถือของท่านเข้ากับจอเจ้าของบริษัท แทนที่จะ line กับจอมอนิเตอร์ตรงที่แสดงราคาที่แท้จริง
ธนาคารกลางจีน ประกาศตัวเลขของสถาบันการเงินต่างๆ ช่วงครึ่งแรกปี 2014 การปล่อยสินเชื่อของธนาคารต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อม หรือ SME ปรากฎว่า เพิ่มขึ้นถึง 15.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีตัวเลขสุทธิอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุที่อัตราการปล่อยสินเชื่อเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเกิดจากการผลักดันอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้แนะนำให้จีนกำหนดเป้าหมายของการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ชัดเจน พร้อมแนะนำอัตราการเติบโตทงเศรษฐกิจ หรือ GDP ปี 2015 ของจีนน่าควรอยู่ระหว่าง 6.5-6.7% ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งปี 2014 ที่จีนต้องการให้โตถึง 7-8% เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
รัฐบาลจีนยังคงพยายามกำจัดการทุจริต คอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ และประชาชนจีนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้สั่งปลดเจ้าหน้าที่ในมลฑณกว่างตุ้งถึง 866 คน ทันทีที่สืบสวนพบว่า ทุจริต อีกทั้งยังสั่งสืบสวนเจ้าหน้าที่ 2,190 คน ที่มีส่วนในการนำเงินของเจ้าหน้าที่ที่คอร์รัปชันส่งไปยังครอบครัวที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ โดยสรุปครึ่งปีแรกรัฐบาลจีนสอบสวนบุคลากรที่ฉ้อโกงมากถึง 25,000 คน จำนวนนี้ 25% เกี่ยวข้องกับการติดสินบน ยักยอกเงินมากกว่า 10,000 หยวน
ฉบับนี้ผู้เขียนขอกล่าวถึงกรณีที่ประเทศอาร์เจนตินาที่ประสบปัญหาผิดนัดชำระหนี้มูลค่า 1,500 ล่านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต้องชำระให้แก่ NML แคปปิตอล และออเรอส แคปปิตอล ของสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 13 ปี โดยอาร์เจนตินา ชี้แจงเหตุผลต่อเจ้าหน้าที่กองทุนบริหารความเสี่ยง หรือเฮดจ์ฟันด์ ว่า เป็นผลกระทบที่สืบเนื่องมาตั้งแต่การผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2001 โดยอาร์เจนตินาออกมากล่าวหาว่า เฮดจ์ฟันด์ทั้ง 2 แห่ง พยายามที่จะเข้ามาแทรกแซงบ่อนทำลายเศรษฐกิจภายในประเทศ ด้วยการเข้าไปซื้อพันธบัตรที่ผิดนัดชำระหนี้ในราคาถูก และนำกลับมาฟ้องร้องให้ชำระหนี้เต็มจำนวนที่พันธบัตรระบุ ส่งผลให้บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเช่น S&P จัดอันดับประเทศอาร์เจนตินาในระดับ “ผิดนัดชำระหนี้”
ผู้เขียนขอย้อนไปถึงเหตุผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในปี 2001 เกิดขึ้นเพราะอาร์เจนตินาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง มีคนว่างงานสูงถึง 20% ควบคู่กับประสบภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งเจ้าหนี้บางส่วนยินยอมให้อาร์เจนตินาปรับโครงสร้างพันธบัตร และจ่ายหนี้เพียง 30% ของยอดหนี้ที่ถือครอง แต่เฮดจ์ฟันด์ทั้ง 2 แห่งของสหรัฐฯ กลับต้องการให้อาร์เจนตินาจ่ายหนี้ที่ยังไม่ปรับโครงสร้างเต็มจำนวน 100% ซึ่งไม่อาจจ่ายให้ได้
ตั้งแต่เกิดเหตุเครื่องบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ โดนขีปนาวุธที่สงสัยว่าจะเป็นของฝ่ายกบฏยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียยิงตกเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ส่งผลให้สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศใน EU เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยพุ่งเป้าไปที่ภาคการเงิน ล่าสุด ธนาคาร VTB แบงก์ ออฟ มอสโก และธนาคารเพื่อการเกษตรรัสเซีย ตลอดจนรัฐวิสาหกิจยูไนเต็ดซิฟบิลคิง ผู้ประกอบธุรกิจต่อเรือดำน้ำ และเรือรบ ต่างได้รับผลกระทบเนื่องจากมีการออกคำสั่งห้ามบริษัทอเมริกาทำธุรกรรม ตราสารหนี้ที่มีอายุไถ่ถอนเกิน 90 วัน ด้านสหภาพยุโรป ก็ดำเนินการอายัดทรัพย์สินคนใกล้ชิดผู้นำรัสเซีย 4 คน และห้ามคนในสหภาพยุโรป และธนาคารในยุโรปเข้าไปซื้อพันธบัตร หุ้นกู้ หรือหุ้นที่ออกโดยธนาคารของรัฐบาลรัสเซีย ทำให้ธนาคารเหล่านี้เข้าถึงแหล่งเงินได้ยากมากขึ้น
ที่กล่าวถึงธนาคาร VTB เพราะเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของรัสเซีย ซึ่งขณะนี้ปรับกลยุทธ์ด้วยการกู้ยืมเงิน และเปิดตลาดทุนในประเทศอื่นเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปเองก็กำลังได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรรัสเซียเช่นกัน เพราะยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ และพลังงานจากรัสเซีย ขณะเดียวกัน บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ในฝรั่งเศส และเยอรมนี ก็เข้าร่วมลงทุนด้านพลังงานธรรมชาติร่วมกับบริษัทในรัสเซีย แม้กระทั่งบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของยุโรป คือ แอร์บัสกรุ๊ป และโบอิ้งของสหรัฐฯ ก็ต้องใช้ไทเทเนียมเป็นวัสดุหลักในการผลิตเครื่องบิน ดังนั้น มาตรการดังกล่าวจะกระทบรายได้ของบริษัทเหล่านี้โดยตรง
ขณะเดียวกัน รัสเซียก็กำลังมีมาตรการโต้ตอบการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยจะให้ทางสำนักงานความปลอดภัยของรัสเซีย สั่งห้ามนำเข้าสินค้าประเภทเนื้อสัตว์จากสหรัฐฯ และสินค้าประเภทผลไม้จากสหภาพยุโรป โดยอ้างมี “สารปนเปื้อน” เนื่องจากรัสเซียเป็นตลาดส่งออกเนื้อสัตว์ปีกขนาดใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ รองจากเม็กซิโก มูลค่าการส่งออกเนื้อไก่ไปรัสเซีย ทั้งปี 2556 สูงถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ รัสเซียสั่งห้ามนำเข้าสินค้าประเภทนม เนื้อวัว เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งจากสหรัฐฯ ส่งผลให้มีเนื้อสัตว์คงค้างในโรงงานผลิต โดยเฉพาะโรงงานที่ตั้งอยู่ในจีนเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการเฝ้าระวังในตลาดโลกว่าสินค้าหมดอายุเหล่านี้จะถูกแปรรูปกลับมาขายให้แก่ผู้บริโภคไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้น ผู้อ่านควรตรวจสอบ และตระหนักยั้งคิดก่อนที่จะซื้อสินค้าเนื้อสัตว์ หรือเนื้อสัตว์แปรรูปจากสหรัฐอเมริกา นานนับ 6-8 เดือนหลังจากนี้
นอกจากนี้ มีข้อมูลออกมาจากธนาคารกลางรัสเซียว่า มีบริษัท บุคคล และธนาคารหลายธนาคารของรัสเซียกู้ยืมเงินจากหลายธนาคารในยุโรป วงเงินรวมถึง 650,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากหนี้สินจำนวนดังกล่าวไม่มีการชำระคืนจะส่งผลกระทบต่อบรรดาธนาคารยุโรปอย่างแน่นอน