ปลัดกระทรวงการคลัง เผยปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการสูงสุด 8% คาดใช้เงิน 20,000-30,000 ล้านบาท ระบุ หาก คสช. เคาะเห็นชอบ จะมีผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด 1.7 ล้านคน และเชื่อว่าเริ่มได้ 1 เม.ย.2558
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเปิดสัมมนาวิชาการของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประจำปี 2557 โดยระบุว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมบัญชีกลาง สศค. สำนักงบประมาณ ต้องหารือร่วมกัน เพื่อสรุปแนวทางทั้งหมดเสนอ คสช.พิจารณาผลการศึกษา เบื้องต้นคาดว่าคงต้องปรับเพิ่มเงินเดือนให้ข้าราชการสูงสุดร้อยละ 8 รวมถึงข้าราชการบำนาญ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเปอร์เซ็นต์การปรับเพิ่มขึ้นจะไม่เท่ากัน โดยจะเน้นข้าราชการระดับล่าง รวมถึงการปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพจาก 1,500 บาท เป็น 2,000 บาทต่อเดือน การปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้ข้าราชการหลายส่วน โดยแต่ละหน่วยงานจะมีความแตกต่าง เช่น ทหารจะใช้เป็นเบี้ยเลี้ยง
ส่วนข้าราชการครู กระทรวงมหาดไทย หรือส่วนงานอื่นจะใช้เป็นเบี้ยกันดาร และเบี้ยเลี้ยงการออกพื้นที่ จึงต้องปรับให้เหมาะสม โดยต้องประเมินกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าต้องใช้เงินประมาณเท่าใด คาดว่าจะใช้เงิน 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อดูตามขั้นตอนการพิจารณาแล้วคงเสร็จไม่ทันวันที่ 1 ตุลาคม 2557 นี้ น่าจะเริ่มวันที่ 1 เมษายน 2558 ในช่วง 6 เดือนหลังของปีงบประมาณ 2558
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กลุ่มข้าราชการทั่วไป กลุ่มข้าราชการชั้นผู้น้อย และผู้ได้รับเบี้ยหวัดบำนาญ หากมีการปรับเพิ่มทุกกลุ่มในอัตราร้อยละ 8 ยอมรับว่าจะเป็นภาระงบประมาณจำนวนมากถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี และผูกพันเป็นภาระในอนาคตเมื่อข้าราชการเหล่านี้เกษียณอายุ ภาครัฐจะต้องจ่ายบำนาญในอัตราที่สูงตามเงินเดือนที่ปรับขึ้น จึงต้องนำเสนอ คสช.เพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับเพิ่มเงินเดือนเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อยก็จะต้องมีการจำกัดความร่วมกันว่าจะเป็นกลุ่มใดบ้างที่ควรจะได้รับสิทธิดังกล่าว แต่ในส่วนของข้าราชการบำนาญนั้น มองว่าเพิ่งมีการปรับขึ้นบำนาญสำหรับผู้ที่ได้รับบำนาญต่ำกว่า 9,000 บาท ให้ได้รับ 9,000 บาทไปเมื่อไม่นานมานี้
ทั้งนี้ หาก คสช. ตัดสินใจปรับขึ้นเงินเดือนเจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกประเภทในปีงบประมาณ 2558 ในอัตราร้อยละ 8 จะมีผู้ได้สิทธิแบ่งเป็นข้าราชการ 1.7 ล้านคน ลูกจ้างประจำ 160,000 คน พนักงานข้าราชการ 210,000 คน ผู้รับเบี้ยวัดบำนาญ 610,000 คน
โดยหาก คสช. ตัดสินใจเลือกแนวทางใดจะต้องมีการดำเนินการดังนี้ คือ 1.ปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้แก่ข้าราชการ และลูกจ้างประจำชั้นผู้น้อย ต้องกำหนดเป็นระเบียบกระทรวงการคลัง 2.การปรับเงินช่วยค่าครองชีพ ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และ 3.ปรับค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง ต้องออกหนังสือสั่งการกระทรวงการคลัง
