ตลาดแขวน SP หลักทรัพย์ “ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์” ช่วงบ่าย หลังช่วงเช้าแขวน H เพื่อรอความชัดเจน กรณียกเลิกลงทุนขายหุ้น “มิลล์เลี่ยน ไมล์ส” และไม่ลงทุนใน “สปริงนิวส์ฯ”
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า เช้าวันนี้ (28 ก.ค.) ตลท.ได้มีการขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ บริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TH ในการซื้อขายรอบเช้าวันนี้ โดยตลาดหลักทรัพย์ได้ขอให้ TH ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท มิลล์เลี่ยน ไมล์ส จำกัด และการยกเลิกการเข้าลงทุนในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น เนื่องจากการทำธุรกรรมดังกล่าวมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และสารสนเทศดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนทั่วไป แต่ TH ไม่สามารถชี้แจงสารสนเทศดังกล่าวได้
โดย TH ได้แจ้งมติคณะกรรมการอนุมัติให้จำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท มิลล์เลี่ยน ไมล์ส จำกัด ทั้งหมด 9,095,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็น 60.63% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 21.33 บาท รวมมูลค่า 193,996,350 บาท ให้แก่บริษัท อาร์.เอส.พี.สตีล จำกัด กำหนดชำระเงินวันที่ 9 ส.ค. 57 และอนุมัติให้ TH ยกเลิกสัญญาการเข้าร่วมลงทุนในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด โดยกำหนดคืนเงินมัดจำ 250 ล้านบาท พร้อมค่าเสียโอกาส 12% ต่อปี ภายในวันที่ 8 ส.ค. 57
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLC เปิดเผยว่า กรณีที่ TH ยกเลิกการเข้าลงทุนในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SLC นั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบต่อแผนการดำเนินการแต่อย่างใด และเตรียมที่จะคืนเงินมัดจำที่ TH วางไว้ 250 ล้านบาท ซึ่งเหตุผลในการยกเลิกการลงทุนเป็นความจำเป็นของฝ่าย TH เอง โดยไม่ต้องหาผู้ร่วมทุนมาแทนตงฮั้ว เพราะขณะนี้ บริษัทเข้มแข็ง แต่ถ้าหา Strategic Partner ที่มี know how ได้ก็ยิ่งดี อย่างไรก็ตาม เราก็ยัง keep connection กับทางตงฮั้ว โดยเฉพาะประธานบริษัทก็รู้จักกันดี แม้ว่าทางสปริงนิวส์ ยังคงมีผลขาดทุนอยู่ในปัจจุบัน แต่นับจากนี้ไปก็จะเริ่มมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ เพราะสปริงนิวส์ จะมีรายได้จากโฆษณาเพิ่มมากขึ้นหลังจากการออกอากาศในระบบทีวีดิจิตอล และคาดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า โครงสร้างรายได้ของ SLC จากส่วนของสื่อ จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 60% และจะกลายมาเป็นรายได้หลักของ SLC ในอนาคต และปีนี้บริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ 150 ล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ผลิตรายการเพิ่มเติมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในเริ่มแรก
โดยปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่ทำได้ 216.18 ล้านบาท เพราะปัจจุบันมีงานในส่วนของธุรกิจไอทีคงค้าง (Back Log) อยู่ที่ 160 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องช่วง 3 ปีข้างหน้า ( 57- 59) และเตรียมจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนอีกกว่า 500 ล้านหุ้น ให้แก่กลุ่มนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) อีกครั้งภายใน 1-2 เดือนนี้
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า เช้าวันนี้ (28 ก.ค.) ตลท.ได้มีการขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ บริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TH ในการซื้อขายรอบเช้าวันนี้ โดยตลาดหลักทรัพย์ได้ขอให้ TH ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท มิลล์เลี่ยน ไมล์ส จำกัด และการยกเลิกการเข้าลงทุนในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น เนื่องจากการทำธุรกรรมดังกล่าวมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และสารสนเทศดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนทั่วไป แต่ TH ไม่สามารถชี้แจงสารสนเทศดังกล่าวได้
โดย TH ได้แจ้งมติคณะกรรมการอนุมัติให้จำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท มิลล์เลี่ยน ไมล์ส จำกัด ทั้งหมด 9,095,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็น 60.63% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 21.33 บาท รวมมูลค่า 193,996,350 บาท ให้แก่บริษัท อาร์.เอส.พี.สตีล จำกัด กำหนดชำระเงินวันที่ 9 ส.ค. 57 และอนุมัติให้ TH ยกเลิกสัญญาการเข้าร่วมลงทุนในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด โดยกำหนดคืนเงินมัดจำ 250 ล้านบาท พร้อมค่าเสียโอกาส 12% ต่อปี ภายในวันที่ 8 ส.ค. 57
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLC เปิดเผยว่า กรณีที่ TH ยกเลิกการเข้าลงทุนในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SLC นั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบต่อแผนการดำเนินการแต่อย่างใด และเตรียมที่จะคืนเงินมัดจำที่ TH วางไว้ 250 ล้านบาท ซึ่งเหตุผลในการยกเลิกการลงทุนเป็นความจำเป็นของฝ่าย TH เอง โดยไม่ต้องหาผู้ร่วมทุนมาแทนตงฮั้ว เพราะขณะนี้ บริษัทเข้มแข็ง แต่ถ้าหา Strategic Partner ที่มี know how ได้ก็ยิ่งดี อย่างไรก็ตาม เราก็ยัง keep connection กับทางตงฮั้ว โดยเฉพาะประธานบริษัทก็รู้จักกันดี แม้ว่าทางสปริงนิวส์ ยังคงมีผลขาดทุนอยู่ในปัจจุบัน แต่นับจากนี้ไปก็จะเริ่มมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ เพราะสปริงนิวส์ จะมีรายได้จากโฆษณาเพิ่มมากขึ้นหลังจากการออกอากาศในระบบทีวีดิจิตอล และคาดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า โครงสร้างรายได้ของ SLC จากส่วนของสื่อ จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 60% และจะกลายมาเป็นรายได้หลักของ SLC ในอนาคต และปีนี้บริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ 150 ล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ผลิตรายการเพิ่มเติมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในเริ่มแรก
โดยปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่ทำได้ 216.18 ล้านบาท เพราะปัจจุบันมีงานในส่วนของธุรกิจไอทีคงค้าง (Back Log) อยู่ที่ 160 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องช่วง 3 ปีข้างหน้า ( 57- 59) และเตรียมจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนอีกกว่า 500 ล้านหุ้น ให้แก่กลุ่มนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) อีกครั้งภายใน 1-2 เดือนนี้