วันนี้เปลี่ยนจากการคุยแนวโน้มราคาทองคำ มาคุยเรื่องการวางแผนการเทรด หรือการลงทุนกันซะหน่อยดีกว่า ปกติคนส่วนใหญ่ในตลาดจะไม่ค่อยวางแผน หรือทำบัญชีการเทรดสักเท่าไหร่ ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ค่อยจะรู้ว่าตัวเองกำไร หรือขาดทุนเท่าไหร่ บางคนพอร์ตโตขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นเพราะการเติมเงินทุนเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆ แล้วขาดทุน หรือบางคนทราบว่า ที่ผ่านมาตัวเองกำไร หรือขาดทุนเท่าไหร่แต่ไม่เคยศึกษาว่าที่กำไร หรือขาดทุนมันเป็นเพราะอะไร สิ่งที่จะพูดถึงต่อไปนี้เป็นแนวทางของผู้เขียนทำอยู่ อาจมีวิธีอื่นอีกมากมาย แต่ผู้เขียนอยากจะแชร์ว่าที่ผ่านมาหลังจากลงทุนมั่วๆ แล้วเปลี่ยนมามีการวางแผน และติดตามอย่างใกล้ชิด วิธีการลงทุน และผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีอย่างเห็นได้ชัด
นักลงทุนหน้าใหม่ส่วนใหญ่จะทำผลงานได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด หรือบางคนดีกว่าตลาดแต่ก็ยืนระยะไม่ได้ พอเวลาผ่านไปก็จะเริ่มมีผลงานที่ถดถอยลงจากการแกว่งของผลตอบแทน มือใหม่มักได้รับข้อมูลก่อนเข้าตลาดสินค้าต่างๆ ว่า “การลงทุนมันง่าย” หรือกระโดดเข้าตลาดมาด้วยความ “โลภ” ซึ่งในระยะยาวจุดจบของมือใหม่ราว 80-90 เปอร์เซ็นต์ จะลงเอยด้วยคำว่า “ขาดทุน” หรือ “ล้มเหลว” จนอาจถึงขั้นเข็ดหลาบแล้วหันหลังให้การลงทุนชนิดนั้นตลอดไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นเรามาเปลี่ยนความน่าจะเป็นที่จะล้มเหลวสูงๆ มาเป็นความน่าจะเป็นที่จะประสบความสำเร็จสูงๆ กันดีกว่า***
เป้าหมาย จากมือใหม่ ต้องเปลี่ยนไปเป็น มือเฉลี่ยของตลาด หลังจากเป็นมือเฉลี่ยของตลาด ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นที่ดีกว่าตลาด จากที่ดีกว่าตลาด ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นสุดยอดของตลาด (สุดยอดคือดีกว่าตลาดแหละเหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด)
เส้นทางสู่เป้าหมาย หาความรู้ ศึกษา (วิธีนี้ง่ายมากสำหรับทุกคน) สะสมประสบการณ์การลงทุน (ใช้เวลา)
วางแผน เทรด ประเมินผล ปรับปรุงแผน เทรด ประเมินผล ปรับปรุง ....
7 ขั้นตอนสู่การเป็นนักลงทุนที่ยอดเยี่ยม
1.ศึกษาหาความรู้ - เป็นสิ่งที่นักลงทุนหน้าใหม่ควรจะทำเป็นอย่างแรก เพราะเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุด และการหาศึกษาข้อมูลสมัยนี้ถือว่าหาง่าย มีข้อมูลความรู้ต่างๆ นานาเกี่ยวกับสินค้าที่เราจะไปลงทุน แนวคิดการลงทุน หรือต้นแบบที่ประสบความเร็จมากมายให้เราศึกษาเอาเป็นแบบอย่าง
เราควรเริ่มจากการศึกษารายละเอียดสินค้า และตลาดก่อน เช่น ทองคำแท่งคืออะไร หุ้นคืออะไร ฟิวเจอร์สคืออะไร อะไรบ้างที่จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์เหล่านั้น ซื้อขายที่ไหน ข้อแตกต่างระหว่างทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ ทองคำล่วงหน้าเป็นอย่างไร กฎเกณฑ์มีอะไรบ้าง คิดกำไรขาดทุนอย่างไร แต่ละสินค้ามีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง ฯลฯ
ศึกษาวิธีการลงทุน ซึ่งการลงทุนมีหลายสไตล์ ทั้งเก็งกำไรระยะสั้น กลาง ยาว หรือการลงทุนเพื่อชนะเงินเฟ้อ ชนะดอกเบี้ยเงินฝาก หรือการลงทุนเพื่อเป็นการออมไว้ใช้ยามเกษียณ ฯลฯ และเรามักจะได้ยินคำว่า High Risk, High Return ที่หมายถึงอยากได้ผลตอบแทนสูงก็ต้องเสี่ยงมาก แต่ถ้าไม่ชอบความเสี่ยง ผลตอบแทนก็อาจจะต่ำไปด้วย ซึ่งเราสามารถศึกษาอย่างลึกซึ้งถึงสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับเรา ผลตอบแทนเหมาะกับเรา แล้วความเสี่ยงที่เรารับได้
หลังจากนั้น เราก็เริ่มศึกษาทำความรู้จักตนเอง ว่าเรารับความเสี่ยงของสินค้าเหล่านั้นได้มั้ย เข้าใจในสินค้าต่างๆ ดีพอมั้ย เรามีหน้าตัก หรือเงินทุนแบบไหน เงินร้อนหรือเงินเย็น เรามีความต้องการผลตอบแทนอย่างไร เรามีคุณสมบัติที่เหมาะต่อการลงทุนแบบไหน สั้น กลาง ยาว หากรู้สไตล์ของตนเองแล้ว สไตล์เหล่านั้นมันเหมาะต่อชีวิตประจำวันมั้ย เช่น บางคนบอกว่าเหมาะต่อการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ตัวเองมีงานประจำที่ไม่สามารถติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด อันนี้ก็เรียกว่ายังใช้ไม่ได้
ครั้งหน้าเราจะมาต่อขั้นตอนที่ 2 และ 3 กัน นั่นคือ การเขียนแผนการลงทุน และการนำแผนนั้นมาปฏิบัติจริง
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก