คาดราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น “ออสสิริส” ประเมินครึ่งปีหลังอยู่ที่ ระดับ 1,180-1,450 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยปรับขึ้นในลักษณะแกว่งตัว เผยสัญญาณเฮดจ์ฟันด์ชะลอการขาย และเม็ดเงินตลาดหุ้นจ่อเข้าเก็งกำไรทองคำ
นายธนสิน กลีบลำเจียก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการค้าและการลงทุน บริษัท ออสสิริส จำกัด เปิดเผยว่า กรอบราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังประเมินไว้ที่ 1,180-1,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยทิศทางเป็นลักษณะ Sidewayup แต่ทิศทางหลักในระยะยาวยังคงเป็นขาลง
โดยปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำมาจากการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทันที หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอมาตรการ QE สิ้นสุดลง โดยปัจจุบันยังมีวงเงินอัดฉีดเข้าระบบเหลืออยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาพรวมตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลด QE หมดภายในสิ้นปีนี้
“เชื่อว่าแม้ QE แต่เฟดก็ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย เพราะในปัจจุบันแม้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดีขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ แต่ตัวหนี้ยังเยอะและเงินเฟ้อยังไม่เพิ่มสูงขึ้น ยังมีโอกาสว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยเร็ว” นายธนสิน กล่าว
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังมีโอกาสได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าภาพรวมของตลาดหุ้นในต่างประเทศ อาทิ ดาวโจนส์มีโอกาสปรับฐานเพราะตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นต่างประเทศยังไม่เคยปรับฐานลงแรง ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังจึงมีโอกาสเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจะปรับฐาน ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินดังกล่าวไหลกลับเข้ามาในตลาดทองคำแทน
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากกรณีที่กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ทองคำเริ่มชะลอการขายทอง เห็นได้จากภาวะการซื้อขาย Gold Futures ในตลาดต่างประเทศ ทิศทางการขายเริ่มชะลอตัว ประกอบกับภาพรวมของความต้องการทองคำในตลาดโลกยังสูง อาทิ ประเทศจีน อินเดีย เป็นต้น
ดังนั้น ภาพรวมกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้รอจังหวะราคาทองคำอ่อนตัวลงบริเวณ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐแล้วเข้าซื้อ
ส่วนภาพรวมราคาทองคำในช่วง 3 เดือนจากนี้มองว่ากรอบการเคลื่อนไหวมีแนวรับอยู่ที่ 1,240 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และแนวต้านอยู่ที่ 1,360 และ 1,425 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น