“กิตติรัตน์” ชี้ต่างชาติเทขายหุ้นหนักในช่วงนี้เพื่อทำกำไร และปรับพอร์ตลงทุนใหม่ คาดเป็นเม็ดเงินระยะสั้น และเฮดจ์ฟันด์ ลั่นเป็นผลดีเพราะทำให้บาทอ่อน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยที่ตกอย่างแรง และรวดเร็ว เป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติเทขายออก หลังจากที่ทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้น เพราะสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ปรับเพิ่มมุมมองภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดีขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการลงทุน
นายกิตติรัตน์ ระบุว่า เงินทุนระยะสั้นที่ไหลออกจากประเทศในขณะนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลนโยบายการทยอยลดการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเมื่อนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจนมีกำไรในระดับหนึ่งแล้วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เงินทุนระยะสั้น และกองทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน ประกอบกับมีการปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งภูมิภาค
สำหรับเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลออกในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปลายปีก่อนมีเงินทุนต่างชาติจำนวนมากไหลเข้ามาหาผลตอบแทนทั้งในพันธบัตรระยะสั้น และตลาดหุ้นไทยถึงกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินบาททำให้เกิดการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องมาที่ 28-30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า การที่เงินจะไหลออกไปบ้างถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ตลาดกลับมาสมดุล โดยไม่จำเป็นต้องออกมาตรการดูแลเรื่องการไหลออกของเงินทุนในครั้งนี้ และไม่ถือว่าสถานการณ์นี้เป็นการขายมากจนเกินไป (โอเวอร์โซล) เนื่องจาก 1-2 ปีที่ผ่านมา หุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูงมาโดยตลอด จึงมองว่าเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนในช่วงที่ดัชนีปรับลดลง