“ธปท.” คาดเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. เริ่มฟื้นชัดเจน โดยตรวจพบสัญญาณที่ดีขึ้น มั่นใจไตรมาส 2 ไม่เกิดภาวะถดถอย พร้อมยอมรับว่า ยังต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นทั้งการบริโภคและการลงทุนว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ขณะเดียวกันต้องติดตามดูไทม์ไลน์ของรัฐบาลด้วยว่าเป็นอย่างไร
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค.เริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว ตัวเลขในภาพรวมยังคงหดตัวอยู่ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณที่เด่นชัดมากขึ้นในเดือน มิ.ย. โดย ธปท. คาดหวังว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. จะเริ่มเป็นบวกได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“เดือน มิ.ย.เป็นอะไรที่เราค่อนข้างหวังไว้มาก เพราะเราจะเห็นผลดีที่จับต้องได้จากสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายอย่างชัดเจนในเดือนนี้ และถ้าดูกันจริงๆ เศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น” นายดอน กล่าว
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นตั้งแต่เดือน พ.ค. และมีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในเดือน มิ.ย. ทำให้ ธปท. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 น่าจะเป็นบวกได้ไม่น้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพียงแต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอาจจะยังติดลบอยู่ประมาณ 0.4% ส่วนครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว โดย ธปท. ได้ประเมินการเติบโตโดยเฉลี่ยไว้ที่ประมาณ 3.4%
ขณะที่ สถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ ยอมรับว่ายังต้องติดตามดูใกล้ชิด โดยเฉพาะการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นทั้งการบริโภคและการลงทุนว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ขณะเดียวกันต้องติดตามดูไทม์ไลน์ของรัฐบาลด้วยว่าเป็นอย่างไร
ภาพรวมเศรษฐกิจเดือน พ.ค. โดยรวมถือว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ตามการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายภาคเอกชนที่เริ่มขยายตัว รวมทั้งการส่งออกของไทยไปประเทศอุตสาหกรรมหลักที่ปรับดีขึ้น
การส่งออกในภาพรวมยังฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า จากผลของราคาสินค้าเกษตรและอุปสงค์จากภูมิภาคเอเชียที่ยังอ่อนแอ ส่วนภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากสถานการณ์การชุมนุมและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
“กิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายภาคเอกชน โดยเฉพาะการบริโภคที่เริ่มมีสัญญาณขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการใช้จ่ายในสินค้าไม่คงทน ส่วนหนึ่งเนื่องจากครัวเรือนนอกภาคเกษตรมีรายได้น้อยจากการทำงานล่วงเวลาเพิ่มขึ้น” นายดอน กล่าว
นายดอน ยอมรับว่า หากการส่งออกต่ำกว่าที่ ธปท. ประเมินไว้ว่าจะเติบโตได้ประมาณ 3% ก็อาจมีผลกระทบต่อประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยทั้งปีที่ 1.5% ได้เช่นกัน เว้นแต่ว่าเศรษฐกิจไทยจะหันมาเน้นเครื่องยนต์ในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยขาดการลงทุนมานานมาก
อย่างไก็ตาม นายดอน กล่าวว่า โอกาสของภาคการส่งออกไทยถือว่ายังมีอยู่ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) ซึ่งที่ผ่านมาการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้มีการเติบโตที่ต่อเนื่อง ยิ่งถ้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีแผนจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น เชื่อว่าจะทำให้การค้าระหว่างกันปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันไทยส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนรวม 26% ในจำนวนนี้คิดเป็นการส่งออกไปยังกลุ่มซีแอลเอ็มวีราว 8%