โบรกฯ คาดปัจจัยหนุนการลงทุนจะเห็นภาพชัดเจนภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ มองราคาน้ำมันยังเป็นขาขึ้น ชี้ผลกระทบจากกรณีสหรัฐฯ-อียู ต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด การปรับฐานลงของ SET INDEX ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาจากกรณีดังกล่าวจึงเป็นเพียงจิตวิทยาเท่านั้น
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เผยบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ วันนี้ (25 มิ.ย.) โดยระบุถึงปัจัยสำคัญในการลงทุนวันนี้ ได้แก่ 1.ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาพการลงทุนคาดว่าจะเห็นภาพชัดภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้
- รายละเอียดของร่างงบประมาณปี 2558 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการศึกษาเพื่อสรุปนำเสนอต่อคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายในเดือน ก.ค.นี้
- แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม แบ่งเป็น
I.วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งจะบรรจุในงบประมาณปี 2558 จะต้องสรุปภายในสิ้นเดือน มิ.ย.
II.แผนการลงทุนเฟส 2-3 ซึ่งเป็นโรดแมปขนาดใหญ่จะต้องสรุปเพื่อนำเสนอภายในสิ้นเดือน ก.ค.
- การปรับโครงสร้างพลังงาน ยังต้องหารือถึงรายละเอียดโครงสร้างการกำหนดราคาพลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือนในการพิจารณา ทำให้ คสช.ต้องดำเนินการตรึงราคาน้ำมันดีเซล และก๊าซ LPG ต่อไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปแผนปฎิรูปพลังงาน
- แนวทางการช่วยเหลือชาวนา ข้อสรุปจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวนา
2.สถานการณ์อิรักตึงเครียดมากยิ่งขึ้น : เมื่อกลุ่มติดอาวุธมุสลิมนิกายสุหนี่ไอซิส สามารถควบคุมโรงกลั่นน้ำมันในเมือง Baiji ซึ่งเป็นโรงกลั่นที่สำคัญที่สุดในอิรักได้สำเร็จแล้ว และกลุ่มกบฏดังกล่าว พยายามเข้าควบคุมโรงไฟฟ้าสำคัญใกล้กรุงแบกแดดเพิ่มเติม ขณะที่รัฐบาลอิรัก ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ การประชุมสภาฯ วันที่ 1 ก.ค. เพื่อลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่อีกครั้ง
นอกจากนี้ MBKET ยังประเมินว่า ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังเป็นขาขึ้น จากแรงกดดันในอิรัก ที่ส่อเค้าความวุ่นวายมากขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ พยายามกดดันในเชิงรัฐศาสตร์การเมือง มากกว่าจะเป็นการตัดสินใจส่งทหารเข้าช่วยรัฐบาลอิรัก หลังสหรัฐฯ สูญเสียทหารของตนเองไปเป็นจำนวนมากตอนสู้รบในอิรักครั้งก่อน
3.กลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันยังเป็นบวก : จากสถานการณ์อิรัก ณ ปัจจุบัน ที่ส่อเค้ารุนแรงมากขึ้น จะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดิบ Brent ซึ่งจะเป็นบวกต่อราคา PTTEP และเป็นบวกทางอ้อมต่อกลุ่มพลังงานทางเลือก
4.ผลกระทบจากกรณีสหรัฐฯ-สหภาพยุโรป (อียู) ต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด : ตลาดฯ เกิดความกังวลต่อกรณี
- สหรัฐฯ ปรับลดอันดับไทยสู่ระดับต่ำสุดของประเทศที่ต้องเฝ้าระวังด้านการค้ามนุษย์ แต่ทั้งนี้มาตรการกดดันทางการค้าจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าประธานาธิบดีโอบามา ตัดสินใจในช่วงเวลา 90 วัน
- อียู สั่งระงับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และยกเลิกการเจรจาข้อตกลงเขตการค้า (FTA) กับไทย
- MBKET มีความเห็นเป็นกลาง และประเมินผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวในวงจำกัด หากติดตามการให้สัมภาษณ์ของกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ต่อประเด็นดังกล่าว ต่างออกมาในสัญญาณเดียวกันว่า มีผลกระทบที่น้อยมาก โดยเฉพาะประเด็น FTA ของอียู ที่อียูต้องการเจรจากับไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการเปิดประตูสู่อาเซียน และ AEC มากกว่าที่ไทยต้องการพึ่งตลาดส่งออกไปยังอียูคิดเป็น 10% ของยอดการส่งออกไทย รวมถึงตลาดสหรัฐฯ เพราะ ณ ปัจจุบัน ตลาดส่งออกหลักของไทยอยู่ในเอเชียกว่า 30%
การปรับฐานลงของ SET INDEX ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาจากกรณีดังกล่าว จึงเป็นเพียงจิตวิทยาเท่านั้น แต่ในแง่ของพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คาดว่าการชี้แจงจากทุกภาคส่วน จะทำให้สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้ในช่วงสั้น
