บล.บัวหลวง ตั้งเป้าดัชนี SET INDEX ปีนี้ที่ 1,530 จุด โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหาฯ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มท่องเที่ยว โดดเด่นได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลาด แนะนักลงทุนระวังหุ้นพักฐานในไตรมาส 3 และอาจมีแรงขายทำกำไรออกมา
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า บริษัทฯ ปรับประมาณการอัตราส่วนราคาต่อกำไร หรือ Price-Earnings Ratio (P/E) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปีนี้ไว้ที่ 14.1 เท่า ส่วนปีหน้าคาดว่าแนวโน้ม P/E จะปรับตัวลดลงที่ประมาณ 12 เท่า โดยปกติค่า P/E ที่นักลงทุนจะซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ 11-15 เท่า เพราะในปีหน้าภาพรวมตลาดซึ่งอาจทำให้ P/E ไม่มีความจูงใจต่อการลงทุนมากนัก โดยน้ำหนักการลงทุนคาดว่าจะปรับตัวลดลง และเกิดแรงขายทำกำไรในระยะสั้น แต่จะไม่ทำให้ตลาดแนวโน้มการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก ซึ่งการลงทุนในระยะนี้ก็จะเน้นในกลุ่มที่ฟื้นตัวขึ้นมา และอิงกับเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหาฯ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนยานยนต์ สินเชื่อ และเช่าซื้อบางบริษัท หากพิจารณาจากยอดขายของอุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น หรือประมาณ 40% หรือประมาณ 1.3 ล้านคัน จากกำลังการผลิตปกติที่ผลิตขายภายในประเทศ 8-9 แสนคัน โดยปัจจัยหลักมาจากอุทกภัยในปี 2554 ทำให้ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจำเป็นต้องเปลี่ยนรถ อีกประการถัดมาคือ นโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ซึ่งปัจจัยที่มีต่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะสามารถผลักดันตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปใกล้เคียงที่ 1,500 จุด จะทำให้นักลงทุนระมัดระวัง และเลือกการลงทุนมากขึ้น
อย่างไรก็ดี บล.บัวหลวง ตั้งเป้าดัชนี SET INDEX ในปีนี้ไว้ที่ 1,530 จุด ที่ค่า P/E ที่ประมาณ 15 เท่า หรือถ้าหากตลาดหุ้นปรับฐานอาจจะมีการปรับตัวลดลงไปในไตรมาสที่ 3 จาก 1,500 จุด ลงไปอยู่ที่ประมาณ 1,400-1,430 จุด และจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาในไตรมาส 4/2557 จนถึงไตรมาสที่ 1/2558 ซึ่งคาดว่าดัชนี SET INDEX จะอยู่ที่ประมาณ 1,650 จุด ขณะเดียวกัน ในส่วนของหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป (อียู) ในขณะนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น TUF และ CPF ซึ่งจากเดิมที่จะได้รับการยกเว้นระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปที่ประเทศที่พัฒนาแล้วให้แก่สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยลดหย่อนหรือยกเว้นอากรขาเข้าแก่สินค้าที่มีอยู่ในข่ายได้รับสิทธิ หรือ GSP (Generalized System of Preferences) ซึ่งอาจทำให้จำเป็นที่จะต้องปรับราคาสินค้าต่อหน่วยที่มีอยู่เดิมขึ้นมา