หุ้นไทยบวกต่อเนื่อง 5 วัน นักลงทุนแห่ซื้อหุ้นรับเหมาฯ เก็งกำไรล่วงหน้า หวัง คสช.อนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน
วันที่ 2 มิถุนายน 2557 ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ 1,434.25 จุด เพิ่มขึ้น 18.52 จุด เปลี่ยนแปลง +1.31% มูลค่าการซื้อขาย 25,974.56 ล้านบาท โดยระหว่างเทรด ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,434.44 จุด และต่ำสุดที่ 1,423.57 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 มิ.ย. ซึ่งปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วมาเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมั่นใจว่าการกำหนด มาตรการเร่งด่วน ได้แก่ การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม คงภาษีมูลค่าเพิ่ม และประกันภัยนาข้าวปี 2557 การขับเคลื่อนโครงการขนส่งขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จะสามารถช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และค่าครองชีพ จึงเข้ามาเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่างคึกคัก
ส่วนการลงทุนของต่างชาตินั้นยังคงเทขายหุ้นในกลุ่มสื่อสารจนส่งผลให้ ตั้งแต่วันที่ 22-29 พ.ค.2557 ดัชนีหุ้นกลุ่มสื่อสารปรับลดลงถึง 1.92% ทั้งนี้ หากเทียบกับดัชนีหุ้นไทยในช่วงเวลาเดียวกันปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.40% มาอยู่ที่ 1,408.51 จุด ส่วนหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่ราคาปรับลดลงมากสุด ได้แก่ หุ้นสามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) ลดลง 4.85% รองลงมา หุ้นไทยคม (THCOM) ลดลง 4.38% หุ้นเอ็มลิงค์ (MLINK) ลดลง 4.23% และหุ้นอินทัช (INTUCH) ลดลง 4.19% พร้อมประเมินว่า ในระยะสั้นประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากเงินทุนไหลออก เนื่องจากต่างประเทศหลายประเทศมีข้อกำหนดหลักเกณฑ์ในการลงทุน ทำให้ไม่สามารถลงทุนในประเทศที่มีการรัฐประหารได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าหาก คสช. สามารถดำเนินการสานต่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างเป็นรูปธรรมในที่สุดแล้วเศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นตัวขึ้นได้ และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้กลับเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดว่าช่วงบ่ายตลาดฯ คงจะแกว่งแคบรอ Road Map แนะนำเลือกเก็งกำไรรายตัว เน้นหุ้นพื้นฐานดี และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายเร่งด่วนให้เน้นหุ้นที่ยังขึ้นน้อยเพื่อลดความเสี่ยงจากแรงทำกำไรระยะสั้น ขณะที่นักลงทุนใช้จังหวะถอยของตลาดทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่น่าสนใจ ได้แก่ SPALI SAT SVI CPF CFRESH TTA PTTGC PRANDA CENTEL MINT AAV NOK เพื่อลุ้นเงินทุนต่างชาติไหลกลับตลาดเกิดใหม่จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB โดยให้แนวรับ 1,425 จุด แนวต้าน 1,430-1,440 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ITD มูลค่าการซื้อขาย 1,491.24 ล้านบาท ปิดที่ 4.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,261.56 ล้านบาท ปิดที่ 7.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,126.25 ล้านบาท ปิดที่ 193.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 981.64 ล้านบาท ปิดที่ 164.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
CK มูลค่าการซื้อขาย 775.81 ล้านบาท ปิดที่ 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท