ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยผลการนำ บจ.ไทยร่วมโรดโชว์ “SET & CLSA EU-UK Outbound Roadshow 2014” ผู้ลงทุนถามถึงความชัดเจนทางการเมืองภายหลังการประกาศกฎอัยการศึก และการคงความต่อเนื่องในการดำเนินการโครงการต่างๆ ที่จะเป็นพื้นฐานในการเติบโตของประเทศ รวมถึงโอกาสในการเติบโตในอนาคต
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการจัดโรดโชว์ “SET & CLSA EU-UK Outbound Roadshow 2014” ร่วมกับ บล.ซีแอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด ในประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร และประเทศฝรั่งเศสว่า กองทุนต่างประเทศต่างให้ความสนใจสอบถามข้อมูลสถานการณ์ทางการเมือง ภายหลังการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 20 พ.ค. และผลต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ความรวดเร็วในการกลับมาลงทุนในโครงการภาครัฐ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อประเทศหากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย และโอกาสในการแข่งขันในเวทีโลก และอาเซียน
“โรดโชว์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดี นักลงทุนสถาบันในต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 100 ราย มีบริษัทจดทะเบียนไทยเข้าร่วมให้ข้อมูล 8 บริษัทร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นฐานของบริษัท วิสัยทัศน์ และโครงการในอนาคต ความแข็งแกร่งในฐานะการเงิน อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนเหล่านี้ยังคงให้ความสนใจลงทุนในหลักทรัพย์ไทย ดังนั้น การให้ข้อมูลในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องจะช่วยสร้างความเข้าใจ และเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนของกองทุนต่างชาติ” นายชนิตร กล่าว
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ซึ่งได้ร่วมให้ข้อมูลในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า ผู้ลงทุนต่างชาติให้ความสนใจพี้นฐานเศรษฐกิจไทย ทั้งปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ และโครงการลงทุนของภาครัฐ ความแข็งแกร่งทางการเงินการคลัง นโยบายด้านการเงิน รวมถึงแนวโน้มการชะลอตัวของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
“ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลัง ได้ยืนยันว่า ประเทศไทยยังคงมีความแข็งแกร่งในภาคการเงินและการคลัง มีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศในระดับสูง ในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐยังคงเป็นไปตามปกติ ยกเว้นโครงการลงทุนใหม่ที่ต้องชะลอเพื่อรอรัฐบาลใหม่ รวมถึงให้ข้อมูลเปรียบเทียบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากเกิดความวุ่นวายทางการเมืองในอดีต เพื่อแสดงถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งของประเทศประกอบด้วย” นายเอกนิติ กล่าว
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ Country Head บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผู้ลงทุนจึงต้องการทำความเข้าใจ โดยต่างให้ความเห็นว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนที่สำคัญ และมีผลในระยะยาว และปัจจัยสำคัญที่จะตัดสินใจกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งคือ การคลี่คลายปัญหาทางการเมืองของประเทศ พร้อมทั้งเลือกใช้การลงทุนที่เน้นมูลค่าหลักทรัพย์เป็นสำคัญ โดยพิจารณาหลักทรัพย์เป็นรายตัว และเลือกลงทุนในหุ้นที่มีราคาเหมาะสม