ผู้ประกอบการอสังหาฯ เชื่อกฎอัยการศึกช่วยระงับความรุนแรง รักษาความสงบ หนทางยุติปัญหาการเมือง คาดกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ต่างชาติแห่เทขายหุ้น ชี้แค่ระยะสั้น ขณะที่ภาคอสังหาฯ ชะลอตัดสินใจ รอความชัดเจนก่อนตัดสินใจเดินหน้า หรือหยุด ด้านนายก ส.ไทยรับสร้างบ้านมองต่าง กฎอัยการศึกไม่ต่างการปฏิวัติ หวั่นปัญหาความรุนแรงทุบท่องเที่ยว-ส่งออก กดเศรษฐกิจทรุดหนัก เผยมองแง่ดีกฎอัยการศึกช่วยลดความร้อนแรงตลาด
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกของกองทัพบก ว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้นถือว่ามีความชัดเจนในด้านการป้องกัน และรักษาความสงบ ซึ่งจะส่งผลดีกว่าการทำปฏิวัติรัฐประหารที่มีผลกระทบรุนแรงกว่า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือ ปัญหาการลอบทำร้ายจากกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีต่อผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิต และบาดเจ็บ ดังนั้น การประกาศกฎอัยการศึกในครั้งนี้จึงเป็นการช่วยแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการคาดการณ์ว่าอาจเกิดความรุนแรงขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้หากมีการปะทะกันของผู้ชุมนุม
ส่วนผลกระทบที่อาจจะเกิดต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ โดยส่วนตัวแล้วยังไม่สามารถประมาณการได้ เนื่องจากทิศทางการดำเนินการของรัฐบาล และวุฒิสภา ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ในด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้น เชื่อว่าการประกาศใช้กฎอัยกาศึกอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนตลาดหุ้นปรับตัวลดลง ในส่วนของกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยนั้นอาจจะชะงัก หรือชะลอดูสถานการณ์ออกไป
ในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการนั้น เชื่อว่าทุกรายจะชะลอการตัดสินใจลงทุน และจับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะมีทิศทางไปในทางใด ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วจะรอดูว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงก่อนตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มผู้บริโภคที่เชื่อว่าจะชะลอดูสถานการณ์ออกไป ซึ่งหากการประกาศกฎอัยการศึกในครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างรายได้ และไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศมากก็เชื่อว่าในระยะเวลาไม่นานความเชื่อมั่นจะกลับมา
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากประกาศกฎอัยการศึก เชื่อว่าแนวโน้มปัญหาการเมืองจะสามารถจบได้เร็วขึ้น เพราะที่ผ่านมามวลชนทั้งสองฝ่าย คือ กปปส. และ นปช. ต่างมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ละฝ่ายไม่สามารถประนีประนอมกันได้ และมีความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่ความรุนแรง
“เมื่อการเมืองไม่สามารถจบได้เร็ว ไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ ยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมเป็นวงกว้าง ไม่เฉพาะภาคการท่องเที่ยว แต่ตอนนี้กระทบต่อทุกภาคธุรกิจ”
ขณะที่รัฐบาลรักษาการยังไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารประเทศ หรือวางนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้พัฒนาไปข้างหน้าได้ การลงทุนภาครัฐไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งปัญหาต่างๆ ดังกล่าวได้ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว และกระทบต่อทุกภาคส่วน รวมไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ขึ้น-ลงตัวตามจีดีพีของเทศ
สำหรับผลกระทบที่เกิดจากปัญหาการเมือง พบว่า จากการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่เยียมชมไชต์โครงการในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการยังมีจำนวนเท่าเดิมหรือลดลงเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดปัญหาการเมือง แต่มีคนตัดสินใจซื้อบ้านน้อยลง หรือใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อนานขึ้น สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยเฉพาะเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ในอนาคตของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ไม่มีความชัดเจนเช่นนี้ ผู้ประกอบการที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ควรปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน ด้วยการลงทุนอย่างระมัดระวัง หันมาพัฒนาโครงการที่มีขนาดเล็กลง หรือแบ่งเฟสพัฒนา เพื่อให้สามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น
หวั่นต่างชาติตื่น เทขายหุ้น
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) กล่าวว่า การประกาศกฎอัยการศึกของทหารในครั้งนี้ พิจารณาได้ 2 แนวทาง คือ 1.สถานการณ์ทางการเมืองใกล้จะจบแล้วหลังกองทัพเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย 2.อาจใกล้จะเข้าสู่เหตุการณ์ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง จึงยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ด้วยการเทขายหุ้นห รือหน่วยลงทุนออกมามากในระยะนี้ ทำให้เกิดความผันผวนของตลาดหุ้น เงินบาทอ่อนค่า เพราะการประกาศกฎอัยการศึกถือเป็นตัวดัชนีชีวัดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ทางการเมืองอย่างหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นระยะสั้นเท่านั้น สำหรับกองทุนในประเทศเองมองว่ารับรู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆ มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว รวมถึงนักลงทุนรายย่อยคงจะไม่เทขายหุ้นออกมา ยกเว้นหากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปมากอาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้
ชี้กฎอัยการศึกช่วยป้องกันเหตุรุนแรง
ด้านนายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THBA) กล่าวว่า แม้การประกาศใช้กฎอัยการศึกในครั้งนี้จะช่วยป้องกันปัญหาความรุนแรงได้ แต่ก็ส่งผลกระทบที่รุนแรงในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมองว่าการประกาศกฎอัยการศึกนั้นไม่ต่างไปจากการปฏิวัติในประเทศไทย หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติเงียบนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักอยู่ที่เหตุการณ์รุนแรงหลังจากนี้ หากเกิดความรุนแรงขึ้นจะส่งผลด้านลบอย่างมากต่อประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว และการส่งออก รวมถึงการลงทุน
หากผลกระทบตกที่ธุรกิจท่องเที่ยว และส่งออกแล้ว จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศหดตัวลงอย่างหนัก ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจแรกที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องคือ อสังหาฯ ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆนั้นอาจจะได้รับผลกระทบบ้างแต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรงมากเท่ากับธุรกิจอสังหาฯ
“การใช้กฎอัยการศึกครั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยลดทอนบรรยากาศของความรุนแรง หรือระงับความรุนแรงที่คาดว่าจะจะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ ต่างชาตินั้นมองผลกระทบการประกาศกฎอัยการศึกเทียบเท่าการปฏิวัติ ดังนั้น แน่นอนว่าผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่างชาตินั้นมีอยู่สูง ส่วนผลกระทบต่อกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศนั้นยังไม่สามารถบอกได้ในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในสถานการณ์ จึงต้องรอดูการตัดสินใจของลูกค้าในช่วง 2-3 วันจากนี้ก่อน หากในช่วงนี้มีการชะลอการตัดสินใจเซ็นสัญญาสร้างบ้าน ก็แน่นอนว่าการประกาศกฎอัยการศึกมีผลต่อความเชื่อมั่น และการตัดสินใจซื้อแน่นอน แต่หากลูกค้ายังตัดสินใจสร้างบ้านต่อก็จะสะท้อนว่าผลจากกฎอัยการศึกไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นลูกค้า”
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดี สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการชะลอความร้อนแรงของการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้าง และอสังหาฯ ได้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงปีก่อนหน้านั้นความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯ และตลาดก่อสร้างส่งผลให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจก่อสร้าง และอสังหาฯ อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันของห้างค้าวัสดุก่อสร้างที่เปิดตัวในต่างจังหวัดอย่างมาก จนส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเล็กประสบปัญหาการแข่งขันสู้รายใหญ่ที่เข้ามาไม่ได้
“นอกจากนี้ ความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯ และตลาดวัสดุก่อสร้างยังส่งผลให้เกิดการแย่งชิงแรงงานในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง และการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างทำให้ราคาปรับสูงขึ้นด้วย ดังนั้น การใช้กฎอัยการศึกที่เกิดขึ้นหากมองในแง่ดีก็ส่งผลให้ตลาดชะลอความร้อนแรงไปได้เช่นกัน”